แนะนำ 5 โซลูชันระบบขายหน้าร้านราคาเบาๆ สำหรับธุรกิจรีเทลขนาดเล็ก

สำหรับบ้านใครที่ทำธุรกิจรีเทลขนาดเล็ก หรือไม่ได้มีความซับซ้อนมากนัก มักจะมีระบบที่ขาดไม่ได้ในการจัดการการทำงานที่หน้าร้านก็คือ “ระบบขายหน้าร้าน” หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า “POS” (Point of Sales) ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นระบบที่ถูกนำมาใช้ได้ทั้งในธุรกิจรีเทล และธุรกิจอาหาร (เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ บุฟเฟ่ต์) แต่จะมีฟีเจอร์ที่จำเป็นต่างกันไป

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะหาระบบขายหน้าร้านที่เหมาะกับการใช้งานที่สุด วันนี้ ทำที่บ้าน X ASAP Project จะพาคุณมาดูกันว่า ระบบใดน่าสนใจบ้าง

TYPE

ASAP Project X ทำที่บ้าน

📍 5 โซลูชันที่เราอยากแนะนำ

[1] StoreHub POS

StoreHub เป็นระบบ POS ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก ซึ่งรวมทุกฟังก์ชันการขาย, การจัดการสินค้า, การวิเคราะห์ข้อมูลการขาย และการเชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์ใบเสร็จไว้ในหนึ่งเดียว ทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการได้ง่ายขึ้นในราคาที่คุ้มค่า

🔍 ฟีเจอร์เด่น

  • ระบบ CRM เพื่อให้ลูกค้าสะสมแต้ม และทำ Cash Back

  • แดชบอร์ดสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลการขาย

  • เชื่อมต่อแพลตฟอร์มขายออนไลน์ เช่น Lazada, Shopee, TikTok และรวมสต็อกของทุกที่ไว้ในที่เดียว

  • รับเข้าสินค้าได้ง่ายและสะดวกด้วยระบบ Barcode ในตัว

  • เช็คสต็อก และ ยอดขายได้ทุกที่ สะดวกง่ายรวดเร็ว

  • สร้างรายการสินค้าละเอียดครอบคลุมทั้ง สี ขนาด น้ำหนัก และส่วนประกอบ

💵 ราคาเริ่มต้นที่ 12,500 บาทต่อปี

[2] Qashier

Qashier เป็นระบบ POS ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจค้าปลีกโดยเฉพาะ มีฟังก์ชันที่ครบครันทั้งการขาย, การชำระเงิน, และการจัดการสินค้า สามารถใช้งานได้ง่ายและมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการระบบที่ใช้งานได้เร็วและมีราคาประหยัด

🔍 ฟีเจอร์เด่น

  • ฮาร์ดแวร์แบบออลอินวันที่ทันสมัย เป็นทั้งเครื่องพิมพ์ใบเสร็จและเครื่องสแกนบาร์โค้ดจบครบที่เดียว

  • ระบบชำระเงินแบบครบวงจรที่รองรับแม้กระทั่ง E-wallet

  • ปรับแต่งรูปแบบการใช้งานได้ตามประเภทธุรกิจเฉพาะ เช่น สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ โปรแกรมมินิมาร์ท และโปรแกรมร้านสะดวกซื้อ

  • จัดการระบบเครดิตสมาชิกและบัตรสะสมแต้ม (Loyalty Cards) ได้สะดวก

💵 ราคาเริ่มต้นที่ 7,990 บาทต่อปี

[3] Silom POS

Silom POS เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กที่ต้องการระบบที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ โดยได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานด้วยคะแนนอันดับ 1 บน App Store ในประเทศไทย

🔍 ฟีเจอร์เด่น

  • มีระบบ Kiosk ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารด้วยตนเองผ่านจอสัมผัสได้อย่างสะดวกสบาย

  • มีระบบ CRM ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับ LINE ช่วยให้ลูกค้าไม่จําเป็นต้องดาวน์โหลดแอปเพิ่มเติม และมีระบบสะสมคะแนนจากการซื้อสินค้า และแลกของรางวัล

  • นำเสนอสินค้าผ่านแคตตาล็อกออนไลน์บน Line เพื่อเพิ่มช่องทางการขายและการมีส่วนร่วมกับลูกค้าโดยการจัดการ Rich Menu แสดง Catalog สินค้าผ่านทาง Line

  • รายงานวิเคราะห์สินค้าขายดีและทำกำไรสูงที่สุด

  • ติดตามสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ และมีแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อสินค้าใกล้หมด เพื่อป้องกันสินค้าขาดสต๊อก

💵 เริ่มต้นใช้งานได้ฟรี! หรือขยับมาที่แพ็กเกจจ่ายเงินเริ่มต้นที่ 490 บาทต่อเดือน หรือ 5,880 บาทต่อปี

[4] POSPOS

POSPOS เป็นระบบ POS ที่มีฟังก์ชันครบถ้วนและราคาประหยัด เหมาะสำหรับธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กที่ต้องการระบบที่ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่น รองรับการขายทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ และขายฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ที่จำเป็นครบถ้วน

🔍 ฟีเจอร์เด่น

  • ส่ง e-Tax Invoice ได้ทันทีจากในระบบ

  • สร้างออเดอร์แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada ได้เลย

  • เชื่อมต่อช่องทางการจ่ายเงินทาง QR และเครื่องรูดบัตร EDC ด้วย API กับธนาคารกสิกร

  • รองรับสินค้าที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น สินค้าที่มีเลข Serial หรือ IMEI สินค้าที่มีคุณสมบัติ สี, ไซส์ย่อยๆ หรือ สินค้าที่มีหน่วยนับมากกว่า 1

  • ระบบสมาชิกเชื่อมต่อกับ Line OA ลูกค้าสมัครสมาชิกร้านค้าผ่าน Line ได้

💵 เริ่มต้นใช้งานได้ฟรี! หรือขยับมาที่แพ็กเกจจ่ายเงินเริ่มต้นที่ 550 บาทต่อเดือน หรือ 4,500 บาทต่อปี

[5] Loyverse POS

Loyverse POS เป็นระบบ POS แบบ Open-source ที่ฟรีและสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเองได้หากมีโปรแกรมเมอร์ โดยมีธุรกิจในกว่า 170 ประเทศที่ใช้งาน Loyverse และมีภาษาให้เลือกกว่า 30 ภาษา

🔍 ฟีเจอร์เด่น

  • มี App Marketplace ที่มีแอปพลิเคชันอื่นๆ ที่ Loyverse สามารถเชื่อมต่อได้อีก เช่น ระบบบัญชี E-Commerce หรือระบบจัดการสต็อก นอกจากนี้ยังมี API เพื่อให้พัฒนาเชื่อมต่อเองได้อีกด้วย

  • รองรับการจัดการร้านค้าที่มีหลายสาขา จัดการสินค้า พนักงานและลูกค้าได้ด้วยบัญชีเดียว

  • โอนสินค้าระหว่างสาขาหรือคลัง ปรับปรุงและตรวจนับสต็อกได้สะดวก

💵 ใช้งานได้ฟรี! แต่ถ้าอยากจะใช้ระบบเสริมก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นรายเดือนเริ่มต้นที่ $5 ต่อเดือนต่อร้าน

มาถึงตรงนี้กันแล้ว อาจจะดูเหมือนว่าโซลูชันต่างๆ มีฟีเจอร์ที่คล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วแต่ละโซลูชันก็มีจุดเด่นหรือลักษณะในการใช้งานที่อาจจะไม่เหมือนกัน

การเลือกระบบขายหน้าร้านให้เหมาะกับเรา ควรจะพิจารณาลักษณะการขาย ปริมาณสินค้าในระบบ ช่องทางการขาย จำนวนสาขา ลักษณะของสินค้า และระบบที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าเป็นสำคัญ และนอกจากเรื่องของราคาแล้ว ควรจะพิจารณาช่องทางการให้บริการหรือซัพพอร์ทหลังการขายให้ดีกันด้วยครับ

หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ Digital Transformation และงานด้านอื่นๆ สามารถปรึกษา ASAP Project ได้ที่ hello@asapproject.co หรือ www.asapproject.co เพื่อคุยกันเบื้องต้นได้เลย!

#ทำที่บ้าน #digitaltransformation

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.