เลือกระบบที่ดีไม่พอ แต่ต้องเชื่อมต่อได้

“ซอฟต์แวร์สมัยใหม่ต้องเชื่อมต่อได้ ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ควรเลือกมาใช้” ทุกท่านเห็นด้วยกับประโยคทางด้านบนนี้มากน้อยแค่ไหนครับ?

เราอาจจะเคยได้ยินคำว่า Integration หรือการเชื่อมต่อระหว่างระบบกันมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่วันนี้เราอยากจะชวนทุกท่านมาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้นอีกสักเล็กน้อย

TYPE

ASAP Project X ทำที่บ้าน

Integration คืออะไร มีกี่ประเภท

System Integration หรือ การเชื่อมระหว่างระบบ หมายถึงการรวมระบบ แอปพลิเคชัน หรือ เทคโนโลยีต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ยกตัวอย่างก็เหมือนการสร้างสะพานเชื่อมระหว่างระบบทั้งสองระบบเข้าด้วยกัน

โดยการเชื่อมต่อซอฟต์แวร์ทางธุรกิจทั่วไปจะมีอยู่ 2 รูปแบบหลักๆคือ:
✅ API (Application Programming Interface) เป็นการเชื่อมต่อที่ทำให้ระบบต่างๆ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้แบบเรียลไทม์
✅ Batch File เป็นการเชื่อมต่อระบบโดยการส่งและรับข้อมูลเป็นชุด ในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ทุกสิ้นวัน

ข้อดีของการมี Integration

การเชื่อมต่อระบบสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความซับซ้อนในการทำงานได้ในหลายๆ กรณี เช่น เมื่อคุณเชื่อมต่อระบบ POS เข้ากับระบบ Loyalty Program ผ่าน API ก็จะทำให้ลูกค้าได้รับคะแนนสะสมทันทีที่มีการซื้อสินค้าที่ร้านค้า หรือคุณสามารถส่งยอดขายประจำวันจากร้านค้าแต่ละสาขา ไปยังระบบ ERP หรือ ระบบบัญชี ทุกๆ สิ้นวันเมื่อปิดร้าน เพื่อบันทึกบัญชีโดยไม่ต้องมีการส่ง Email ตาราง Excel ระหว่างกัน หรือคีย์ข้อมูลซ้ำซ้อน อีกทั้งผู้บริหารก็สามารถจะรับทราบข้อมูลได้รวดเร็วเพื่อการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ไม่มี Integration = ไม่ควรใช้งาน?

คำตอบคือ “ไม่ใช่ทั้งหมด” จริงอยู่ การที่ระบบที่เราเลือกมีความสามารถในการเชื่อมต่อได้นั้น จะช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นในการขยับขยายได้มากกว่า แต่ความจำเป็นที่ต้องใช้งาน Integration นั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการทางธุรกิจ (Business Requirement) เป็นหลัก เช่น

  • หากคุณพิจารณาแล้วว่าความต้องการทางธุรกิจของคุณ สามารถรองรับได้ด้วยระบบใดระบบหนึ่ง และไม่ได้มีความจำเป็นต้องนำระบบอื่นๆ เข้ามาใช้งานร่วมด้วย คุณก็ไม่จำเป็นต้องสนใจความสามารถในการเชื่อมต่อก็ได้ และถึงแม้ว่าธุรกิจของเราจะเติบโตไปยังอนาคต คุณก็อาจจะไม่เลือกเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ตัวที่สองอยู่ดี แต่คุณอาจจะพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์ตัวที่ใหญ่ขึ้น และรองรับ Business Case ที่ซับซ้อนขึ้นอีกก็เป็นได้

  • ความจริงแล้วการทำ Integration ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบ และใช้งบประมาณในการพัฒนาที่ไม่ได้น้อยเลย ดังนั้น เราต้องพิจารณาว่าการพัฒนา Integration จะช่วยลดงานซ้ำซ้อนไปได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าลดได้มากก็คุ้มค่าที่จะทำ แต่ถ้าลดได้เพียงเล็กน้อย เช่น หากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นแค่เดือนละครั้ง การทำ Integration ก็ไม่ได้จำเป็นเลย

  • การจะเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่มีการทำ Integration ไว้กับระบบอื่นๆ ในบริษัท นั้นเป็นงานที่ไม่น้อยเลย เพราะคุณจะไม่สามารถใช้ “สะพานเชื่อม” เดิมได้ แต่คุณจำเป็นต้องออกแบบและสร้างสะพานใหม่ทุกครั้งไปที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ

หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจเรื่องของการเชื่อมต่อระบบหรือ Integration กันมากขึ้นแล้ว ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการรวบรวมความต้องการของธุรกิจให้ชัดเจนตั้งแต่ช่วงแรก จะช่วยให้เราสามารถวางแผน และลดการเลือก “เผื่อ” และทำ Integration ที่ไม่จำเป็นไปได้มาก ให้เหลือแค่การเชื่อมต่อที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจได้อย่างแท้จริง

ไม่มี Integration = ไม่ควรใช้งาน?

คำตอบคือ “ไม่ใช่ทั้งหมด” จริงอยู่ การที่ระบบที่เราเลือกมีความสามารถในการเชื่อมต่อได้นั้น จะช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นในการขยับขยายได้มากกว่า แต่ความจำเป็นที่ต้องใช้งาน Integration นั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการทางธุรกิจ (Business Requirement) เป็นหลัก เช่น

  • หากคุณพิจารณาแล้วว่าความต้องการทางธุรกิจของคุณ สามารถรองรับได้ด้วยระบบใดระบบหนึ่ง และไม่ได้มีความจำเป็นต้องนำระบบอื่นๆ เข้ามาใช้งานร่วมด้วย คุณก็ไม่จำเป็นต้องสนใจความสามารถในการเชื่อมต่อก็ได้ และถึงแม้ว่าธุรกิจของเราจะเติบโตไปยังอนาคต คุณก็อาจจะไม่เลือกเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ตัวที่สองอยู่ดี แต่คุณอาจจะพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์ตัวที่ใหญ่ขึ้น และรองรับ Business Case ที่ซับซ้อนขึ้นอีกก็เป็นได้

  • ความจริงแล้วการทำ Integration ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบ และใช้งบประมาณในการพัฒนาที่ไม่ได้น้อยเลย ดังนั้น เราต้องพิจารณาว่าการพัฒนา Integration จะช่วยลดงานซ้ำซ้อนไปได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าลดได้มากก็คุ้มค่าที่จะทำ แต่ถ้าลดได้เพียงเล็กน้อย เช่น หากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นแค่เดือนละครั้ง การทำ Integration ก็ไม่ได้จำเป็นเลย

  • การจะเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่มีการทำ Integration ไว้กับระบบอื่นๆ ในบริษัท นั้นเป็นงานที่ไม่น้อยเลย เพราะคุณจะไม่สามารถใช้ “สะพานเชื่อม” เดิมได้ แต่คุณจำเป็นต้องออกแบบและสร้างสะพานใหม่ทุกครั้งไปที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ

หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจเรื่องของการเชื่อมต่อระบบหรือ Integration กันมากขึ้นแล้ว ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการรวบรวมความต้องการของธุรกิจให้ชัดเจนตั้งแต่ช่วงแรก จะช่วยให้เราสามารถวางแผน และลดการเลือก “เผื่อ” และทำ Integration ที่ไม่จำเป็นไปได้มาก ให้เหลือแค่การเชื่อมต่อที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจได้อย่างแท้จริง

ไม่มี Integration = ไม่ควรใช้งาน?

คำตอบคือ “ไม่ใช่ทั้งหมด” จริงอยู่ การที่ระบบที่เราเลือกมีความสามารถในการเชื่อมต่อได้นั้น จะช่วยให้เรามีความยืดหยุ่นในการขยับขยายได้มากกว่า แต่ความจำเป็นที่ต้องใช้งาน Integration นั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการทางธุรกิจ (Business Requirement) เป็นหลัก เช่น

  • หากคุณพิจารณาแล้วว่าความต้องการทางธุรกิจของคุณ สามารถรองรับได้ด้วยระบบใดระบบหนึ่ง และไม่ได้มีความจำเป็นต้องนำระบบอื่นๆ เข้ามาใช้งานร่วมด้วย คุณก็ไม่จำเป็นต้องสนใจความสามารถในการเชื่อมต่อก็ได้ และถึงแม้ว่าธุรกิจของเราจะเติบโตไปยังอนาคต คุณก็อาจจะไม่เลือกเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ตัวที่สองอยู่ดี แต่คุณอาจจะพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์ตัวที่ใหญ่ขึ้น และรองรับ Business Case ที่ซับซ้อนขึ้นอีกก็เป็นได้

  • ความจริงแล้วการทำ Integration ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบ และใช้งบประมาณในการพัฒนาที่ไม่ได้น้อยเลย ดังนั้น เราต้องพิจารณาว่าการพัฒนา Integration จะช่วยลดงานซ้ำซ้อนไปได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าลดได้มากก็คุ้มค่าที่จะทำ แต่ถ้าลดได้เพียงเล็กน้อย เช่น หากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นแค่เดือนละครั้ง การทำ Integration ก็ไม่ได้จำเป็นเลย

  • การจะเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่มีการทำ Integration ไว้กับระบบอื่นๆ ในบริษัท นั้นเป็นงานที่ไม่น้อยเลย เพราะคุณจะไม่สามารถใช้ “สะพานเชื่อม” เดิมได้ แต่คุณจำเป็นต้องออกแบบและสร้างสะพานใหม่ทุกครั้งไปที่มีการเปลี่ยนแปลงระบบ

หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจเรื่องของการเชื่อมต่อระบบหรือ Integration กันมากขึ้นแล้ว ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการรวบรวมความต้องการของธุรกิจให้ชัดเจนตั้งแต่ช่วงแรก จะช่วยให้เราสามารถวางแผน และลดการเลือก “เผื่อ” และทำ Integration ที่ไม่จำเป็นไปได้มาก ให้เหลือแค่การเชื่อมต่อที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจได้อย่างแท้จริง

หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ Digital Transformation และงานด้านอื่นๆ สามารถปรึกษา ASAP Project ได้ที่ hello@asapproject.co หรือ www.asapproject.co เพื่อคุยกันเบื้องต้นได้เลย!

#ทำที่บ้าน #digitaltransformation

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.