DX 101: เริ่มต้นทรานซ์ฟอร์ม "ธุรกิจบริการ"

หากที่บ้านคุณทำธุรกิจบริการนี่คือบทความที่จะพาคุณไปรู้จัก Areas of Digital Transformation สำหรับธุรกิจของคุณกันครับ

ในบทความที่แล้วทุกท่านน่าจะเริ่มเห็นภาพของการเตรียมตัวทำ Digital Transformation กับธุรกิจที่บ้าน ที่คล้ายกับการออกเดินทางขึ้นสู่ยอดเขากันไปแล้ว ในบทความนี้เรามีกล้องส่องทางไกลมาฝากทายาททุกท่านครับ ASAP Project จะช่วยให้ท่านผู้อ่านได้มองเห็นยอดเขาของท่านได้ชัดเจนขึ้นอีกหน่อยโดยการพูดถึง Areas of Digital Transformation ฉบับเริ่มต้นกันครับ


TYPE

Thoughts

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจในภาพรวมกันก่อนนะครับ

ผมขอแบ่ง Areas of Digital Transformation ออกมาเป็น 5 Areas หลักๆดังนี้ครับ

  1. Customer Confront (ส่วนงานที่สัมผัสกับลูกค้าโดยตรง) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขาย
    งานมาร์เกตติ้ง และการดูแลลูกค้าหลังการขาย เครื่องมือที่เกี่ยวข้องเช่น: Sales Automation, Order Management, CRM, CDP, Helpdesk, ChatBot, POS

  2. Core Engines งานอย่างบัญชี-การเงิน งานจัดซื้อ บริหารสินค้าคงคลัง มักจะเป็นแกนหลักของธุรกิจทั่วไปอยู่แล้ว ซึ่งมักจะเป็นโมดูลย่อยๆอยู่ในซอฟต์แวร์ ERP แต่บางธุรกิจที่ต้องการการจัดการที่ซับซ้อนขึ้นก็อาจจะต้องใช้ ซอฟต์แวร์เฉพาะทางแยกออกมา นี่จะเป็นกลุ่มเครื่องมือที่ทำให้ธุรกิจของคุณ “เป๊ะ” มากๆครับ เครื่องมือที่เกี่ยวข้องเช่น: Accounting Software, ERP, Inventory Management System, E-Procurement System

  3. Advance Trading & Manufacturing tools ในธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตมักจะต้องการเครื่องมือเฉพาะทางที่ใช้ในการบริหารจัดการงานที่ซับซ้อนขึ้น เพราะการวางแผนการผลิตนั้นไม่ใช่เรื่องหมูๆเลย ยิ่งคุณมีสูตรการผลิต และ ขั้นตอนการผลิตที่ซับซ้อน บางธุรกิจอาจจะวุ่นวายในระดับของวัตถุดิบ และบางธุรกิจอาจจะต้องลงลึกถึงคิวการใช้เครื่องจักรต่างๆ และการวัดผลผลิต - ของเสีย กันเลยทีเดียว เครื่องมือที่เกี่ยวข้องเช่น: MRP, APS, MES, WMS, TMS, Fleet Management

  4. Management Office งานส่วนนี้เป็นงานออฟฟิสที่เกี่ยวข้องกับการมองรายงานภาพรวมของธุรกิจ การประสานงาน และการเดินเอกสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการดำเนินการมากอยู่เหมือนกันหากไม่มีเครื่องมือเข้ามาช่วยจัดการ เครื่องมือที่เกี่ยวข้องเช่น: Project Management tools, Workflow Automation, BI

  5. HR Management งานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการพนักงานทั้งหลายที่จะช่วยย่นระยะเวลาการทำงานของคุณไปได้มาก คุณสามารถอ่านบทความ เกี่ยวกับ HR Transformation ได้ที่ Link นี้ครับ
    เครื่องมือที่เกี่ยวข้องเช่น: HRM, HRD, Recruitment System, Employee Engagement Tools

ซึ่งทั้ง 5 Areas นี้อาจจะมีความเข้มข้นมากน้อยแตกต่างกันไปตามประเภทและขนาดของธุรกิจ ซึ่งในบทความนี้ (Service Vertical - กลุ่มธุรกิจบริการ) เราจะมาโฟกัสกันในข้อที่ 1 กันก่อนนะครับ เพราะธุรกิจบริการมีหัวใจอยู่ที่การดูแลลูกค้าเป็นหลัก ผมอาจจะยังไม่ได้พูดถึงข้อที่ 2, 3, 4 และ 5 มากนักเพราะทั้งสามข้อนี้จะแสดงความแตกต่างตาม ขนาดของธุรกิจและการให้ความสำคัญของผู้บริหารมากกว่า


Service Vertical - กลุ่มธุรกิจบริการ

ธุรกิจบริการเป็นงานที่ต้องสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งการทำ Digital Transformation ในธุรกิจประเภทนี้จะเป็นการนำ Technology เข้ามาใช้งานเพื่อให้สามารถทำความรู้จัก รู้ใจ และสร้างความสะดวกสบายสูงสุดให้กับลูกค้าในส่วนของ Customer Confront เป็นหลักครับ

Sales

ในธุรกิจบริการอาจจะต้องอาศัยกลยุทธทางการขายที่แตกต่างออกไปจากการขายสินค้าทั่วไป โดยคุณอาจจะเริ่มวาง Customer Journey ว่าอยากจะให้ลูกค้า เริ่มรู้จักคุณได้อย่างไร ไปจนถึงการเข้าถึงและใช้บริการของคุณ ซึ่งนอกจากช่องทางอย่าง Website หรือ Social media ที่เรามักใช้เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารแล้ว คุณยังสามารถมองหา Software เฉพาะทางต่างๆ เข้าไปเสริมเพื่อสร้างความสะดวกสบายตลอด Journey ให้กับลูกค้าได้อีกด้วยเช่น

  • การใช้ Booking Management System ในธุรกิจโรงแรม เช่าห้องประชุม จองสปา หรือแม้กระทั่งคลาส Workshop เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบวันเวลาที่สะดวกได้ด้วยตัวเอง ทำการจอง และจ่ายค่ามัดจำหรือค่าบริการได้เลย ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้นมากๆ ไม่ต้องกังวลกรณีที่ลูกค้าจะจองช่วงเวลาเดียวกัน และยังสามารถ allocate resource หรือจัดทรัพยากรที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น เครืองมือ และ ผู้ให้บริการ เข้าไปกับ Booking นั้นๆได้เลย การ Digital Transform ทั้งหมดนี้จะลดภาระงานบน Excel ของคุณไปได้มหาศาล และยังให้รายงานที่เป็นประโยชน์กับคุณแบบ Realtime ได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Booking Management System ของธุรกิจแต่ละประเภทก็จะมีลักษะเฉพาะธุรกิจที่แตกต่างกันไป ดังนั้นก็ควรจะพิจารณาให้ดีด้วยนะครับ

  • การนำเสนอ Service ผ่าน Digital Experience สำหรับธุรกิจบริการที่ไม่มีสินค้าที่จับต้องได้ เราต้องอาศัยการอธิบายสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับผ่านวิธีการต่างๆ เครื่องมือทาง Digital ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่คุณสามารถสื่อสารได้ดี ด้วยเว็ปไซต์ที่ถูกดีไซน์มาตามกลยุทธทางการตลาด และคุณอาจจะเพิ่มช่องทางการติดต่อที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของคุณเข้าไปได้อีกอย่างเช่น

    • การสร้าง Web Form หรือฟอร์มให้ลูกค้ากรอกเพื่อส่งเรื่อง request ติดต่อเข้ามา (ซึ่งส่วนนี้คุณสามารถเชื่อมต่อกับ CRM และสร้างเป็น Lead Generation Form ได้อีกด้วย)

    • การสร้าง Web Live Chat หรือแชทผ่านทางหน้าเว็ป โดยบางครั้งคุณอาจจะนำ Chat Bot เข้ามาช่วยตอบรับ หรือหากคุณมีการติดต่อในหลายๆช่องทาง คุณอาจจะลองมองหา Chat Platform ที่ช่วยให้คุณสามารถรวบการติดต่อในทุกๆช่องทางมาบริหารจัดการผ่านเครื่องมือตัวเดียว

    • หรือการสร้าง Application เพื่อให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของคุณ เพราะคุณจะสามารถควบคุมรายละเอียดทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ ซึ่งคุณจะเห็นตัวอย่างได้จาก Application บริการจัดหาแม่บ้านทำความสะอาด Application ช่วยขนส่งขนย้างของ Application บริการล้างรถถึงบ้านเป็นต้น

Sales

ในธุรกิจบริการอาจจะต้องอาศัยกลยุทธทางการขายที่แตกต่างออกไปจากการขายสินค้าทั่วไป โดยคุณอาจจะเริ่มวาง Customer Journey ว่าอยากจะให้ลูกค้า เริ่มรู้จักคุณได้อย่างไร ไปจนถึงการเข้าถึงและใช้บริการของคุณ ซึ่งนอกจากช่องทางอย่าง Website หรือ Social media ที่เรามักใช้เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารแล้ว คุณยังสามารถมองหา Software เฉพาะทางต่างๆ เข้าไปเสริมเพื่อสร้างความสะดวกสบายตลอด Journey ให้กับลูกค้าได้อีกด้วยเช่น

  • การใช้ Booking Management System ในธุรกิจโรงแรม เช่าห้องประชุม จองสปา หรือแม้กระทั่งคลาส Workshop เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบวันเวลาที่สะดวกได้ด้วยตัวเอง ทำการจอง และจ่ายค่ามัดจำหรือค่าบริการได้เลย ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้นมากๆ ไม่ต้องกังวลกรณีที่ลูกค้าจะจองช่วงเวลาเดียวกัน และยังสามารถ allocate resource หรือจัดทรัพยากรที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น เครืองมือ และ ผู้ให้บริการ เข้าไปกับ Booking นั้นๆได้เลย การ Digital Transform ทั้งหมดนี้จะลดภาระงานบน Excel ของคุณไปได้มหาศาล และยังให้รายงานที่เป็นประโยชน์กับคุณแบบ Realtime ได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Booking Management System ของธุรกิจแต่ละประเภทก็จะมีลักษะเฉพาะธุรกิจที่แตกต่างกันไป ดังนั้นก็ควรจะพิจารณาให้ดีด้วยนะครับ

  • การนำเสนอ Service ผ่าน Digital Experience สำหรับธุรกิจบริการที่ไม่มีสินค้าที่จับต้องได้ เราต้องอาศัยการอธิบายสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับผ่านวิธีการต่างๆ เครื่องมือทาง Digital ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่คุณสามารถสื่อสารได้ดี ด้วยเว็ปไซต์ที่ถูกดีไซน์มาตามกลยุทธทางการตลาด และคุณอาจจะเพิ่มช่องทางการติดต่อที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของคุณเข้าไปได้อีกอย่างเช่น

    • การสร้าง Web Form หรือฟอร์มให้ลูกค้ากรอกเพื่อส่งเรื่อง request ติดต่อเข้ามา (ซึ่งส่วนนี้คุณสามารถเชื่อมต่อกับ CRM และสร้างเป็น Lead Generation Form ได้อีกด้วย)

    • การสร้าง Web Live Chat หรือแชทผ่านทางหน้าเว็ป โดยบางครั้งคุณอาจจะนำ Chat Bot เข้ามาช่วยตอบรับ หรือหากคุณมีการติดต่อในหลายๆช่องทาง คุณอาจจะลองมองหา Chat Platform ที่ช่วยให้คุณสามารถรวบการติดต่อในทุกๆช่องทางมาบริหารจัดการผ่านเครื่องมือตัวเดียว

    • หรือการสร้าง Application เพื่อให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของคุณ เพราะคุณจะสามารถควบคุมรายละเอียดทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ ซึ่งคุณจะเห็นตัวอย่างได้จาก Application บริการจัดหาแม่บ้านทำความสะอาด Application ช่วยขนส่งขนย้างของ Application บริการล้างรถถึงบ้านเป็นต้น

Marketing

ก่อนจะลงมือทำ Digital Transformation ทางด้านการตลาด ผมอยากแนะนำให้คุณมองธุรกิจของตัวเองก่อนว่าเป็น

แบบที่ 1 ธุรกิจบริการที่ลูกค้ามาใช้บริการเป็นครั้งคราว

หากเป็นแบบนี้ คุณควรจะมองหาเครื่องมือทางด้านการตลาดที่เน้นการสื่อสารโปรโมชั่นแคมเปญกับลูกค้า และเน้นการทำความเข้าใจลูกค้าผ่านการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาให้มากที่สุด อย่างเช่น CDP หรือ CRM (for B2C) และใช้ความสามารถของเครื่องมือเหล่านี้มาพัฒนารูปแบบการให้บริการให้เป็น Personalized ให้ได้มากยิ่งขึ้นสร้างความประทับใจ และ Exclusive ให้กับลูกค้าของคุณ

แบบที่ 2 ธุรกิจบริการที่เป็นรูปแบบสัญญาที่ให้บริการลูกค้ากันในระยะยาว

ธุรกิจบริการในลักษณะนี้จะคล้ายกับธุรกิจแบบ B2B ที่คุณอาจจะต้องติดตาม สถานะของลูกค้าว่าให้บริการกันไปถึงขั้นตอนไหนกันแล้ว อย่างเช่น ธุรกิจบริการพัฒนา Application บริการด้านกฎหมายและทนายความ ธุรกิจรักษาความปลอดภัย เป็นต้น แต่สิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกันกับธุรกิจรูปแบบแรกก็คือ การสร้าง ฐานข้อมูลลูกค้าที่แข็งแรง เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์ทางด้านการตลาด Cross-sale, Up-sales ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Marketing

ก่อนจะลงมือทำ Digital Transformation ทางด้านการตลาด ผมอยากแนะนำให้คุณมองธุรกิจของตัวเองก่อนว่าเป็น

แบบที่ 1 ธุรกิจบริการที่ลูกค้ามาใช้บริการเป็นครั้งคราว

หากเป็นแบบนี้ คุณควรจะมองหาเครื่องมือทางด้านการตลาดที่เน้นการสื่อสารโปรโมชั่นแคมเปญกับลูกค้า และเน้นการทำความเข้าใจลูกค้าผ่านการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาให้มากที่สุด อย่างเช่น CDP หรือ CRM (for B2C) และใช้ความสามารถของเครื่องมือเหล่านี้มาพัฒนารูปแบบการให้บริการให้เป็น Personalized ให้ได้มากยิ่งขึ้นสร้างความประทับใจ และ Exclusive ให้กับลูกค้าของคุณ

แบบที่ 2 ธุรกิจบริการที่เป็นรูปแบบสัญญาที่ให้บริการลูกค้ากันในระยะยาว

ธุรกิจบริการในลักษณะนี้จะคล้ายกับธุรกิจแบบ B2B ที่คุณอาจจะต้องติดตาม สถานะของลูกค้าว่าให้บริการกันไปถึงขั้นตอนไหนกันแล้ว อย่างเช่น ธุรกิจบริการพัฒนา Application บริการด้านกฎหมายและทนายความ ธุรกิจรักษาความปลอดภัย เป็นต้น แต่สิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกันกับธุรกิจรูปแบบแรกก็คือ การสร้าง ฐานข้อมูลลูกค้าที่แข็งแรง เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์ทางด้านการตลาด Cross-sale, Up-sales ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

After-Sales Support

สำหรับธุรกิจซื้อมาขายไป หรือ ธุรกิจผลิตนั้น อาจมีการแยกช่องทางการติดต่อระหว่างฝ่ายขาย และฝ่ายบริการลูกค้าหลังการขาย แต่ในธุรกิจบริการแล้ว ส่วนใหญ่ทั้งสองเรื่องนี้มักจะเป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้น สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญอาจจะไม่ใช่เรื่องของช่องทางการติดต่อเหมือธุรกิจซื้อมาขายไป หรือ ธุรกิจผลิต แต่จะเป็นการเก็บประวัติการให้บริการลูกค้าให้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเครื่องมืออย่าง CRM หรือเครื่องมือทางการขายอย่าง Booking Management System ที่สามารถเก็บประวัติลูกค้าได้ดี ก็สามารถดูแลเรื่องเหล่านี้ให้คุณได้

ยกตัวอย่างเช่น หากเราเป็นธุรกิจสปา มีลูกค้าโทรแจ้งเข้ามาว่าเขามีผื่นขึ้นทั่วตัวหลังจากมาใช้บริการกับเรา เราจะต้องสามารถเรียกประวัติดูให้ได้ว่า ลูกค้า มาใช้บริการล่าสุดเมื่อไหร่ ด้วยแพกเกจอะไร และมี Terapist เป็นใคร ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นข้อเท็จจริงที่เราจะสามารถช่วยเหลือลูกค้า และ ตัดสินใจรับผิดชอบหรือหาสาเหตุของปัญหาได้ ในกรณีที่เป็นเรื่องซีเรียสคุณต้องสามารถให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ หรือในทางตรงดันข้ามคุณอาจจะใช้ประวัติการให้บริการเหล่านี้มาสร้างความประทับใจกับพวกเขาได้เหมือนกันเช่น “คุณลูกค้าจะรับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบเหมือนเดิมไหมคะ”

After-Sales Support

สำหรับธุรกิจซื้อมาขายไป หรือ ธุรกิจผลิตนั้น อาจมีการแยกช่องทางการติดต่อระหว่างฝ่ายขาย และฝ่ายบริการลูกค้าหลังการขาย แต่ในธุรกิจบริการแล้ว ส่วนใหญ่ทั้งสองเรื่องนี้มักจะเป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้น สิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญอาจจะไม่ใช่เรื่องของช่องทางการติดต่อเหมือธุรกิจซื้อมาขายไป หรือ ธุรกิจผลิต แต่จะเป็นการเก็บประวัติการให้บริการลูกค้าให้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเครื่องมืออย่าง CRM หรือเครื่องมือทางการขายอย่าง Booking Management System ที่สามารถเก็บประวัติลูกค้าได้ดี ก็สามารถดูแลเรื่องเหล่านี้ให้คุณได้

ยกตัวอย่างเช่น หากเราเป็นธุรกิจสปา มีลูกค้าโทรแจ้งเข้ามาว่าเขามีผื่นขึ้นทั่วตัวหลังจากมาใช้บริการกับเรา เราจะต้องสามารถเรียกประวัติดูให้ได้ว่า ลูกค้า มาใช้บริการล่าสุดเมื่อไหร่ ด้วยแพกเกจอะไร และมี Terapist เป็นใคร ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นข้อเท็จจริงที่เราจะสามารถช่วยเหลือลูกค้า และ ตัดสินใจรับผิดชอบหรือหาสาเหตุของปัญหาได้ ในกรณีที่เป็นเรื่องซีเรียสคุณต้องสามารถให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ หรือในทางตรงดันข้ามคุณอาจจะใช้ประวัติการให้บริการเหล่านี้มาสร้างความประทับใจกับพวกเขาได้เหมือนกันเช่น “คุณลูกค้าจะรับน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบเหมือนเดิมไหมคะ”

เริ่มต้นอย่างไรดี

เอาล่ะครับ เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าคุณน่าจะพอมองเห็นภาพของการมีซอฟต์แวร์ต่างๆเข้ามาช่วยในธุรกิจบริการพอสมควรแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่คุณควรจะเริ่มทำก็คือ ศึกษาทำความเข้าใจกับซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับ Area ที่คุณให้ความสำคัญ และเริ่มรวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นออกมาเป็น List

ซึ่งสำหรับธุรกิจบริการแล้ว คุณควรจะโฟกัสที่ประสบการณ์ที่คุณอยากมอบให้กับลูกค้าเป็นหลัก แล้วลองพิจารณาว่าซอฟต์แวร์ หรือ เทคโนโลยีรูปแบบใดที่จะสามารถตอบโจทย์ หรือช่วยให้คุณดูแลลูกค้าได้ดียิ่งขั้น พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่คุณจะสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาบริการต่อไปในอนาคตได้

ทั้งนี้ หากคุณมองว่าการศึกษาข้อมูลทั้งหมดด้วยตัวเองอาจเป็นสิ่งที่ยากเกินไป คุณอาจจะเริ่มจากการพูดคุยกับคนรู้จักในธุรกิจประเภทเดียวกัน หรือลองมองหาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษากับคุณได้

อย่างไรก็ตาม ผมขอแนะนำว่าอย่าพึ่งเชื่อหรือใช้ซอฟต์แวร์ตัวเดียวกันกับธุรกิจนั้นๆโดยทันที เพราะแม้ว่าคุณจะอยู่ในประเภทธุรกิจเดียวกัน แต่ workflow, ขนาด, ทีมงาน และ style ของแต่ละบริษัทก็แตกต่างกันและนั่นก็เป็นประเด็นที่สำคัญที่ส่งผลต่อการเลือกซอฟต์แวร์ด้วย

ดังนั้นคุณในฐานะของทายาทที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องการทำ Digital Transformation ผมเชื่อว่าคุณคือคนที่สำคัญที่สุดและต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้ได้มากกว่าใคร เพราะคุณจะต้องทำหน้าที่โน้มน้าวทุกๆคนในบริษัท ตั้งแต่พนักงาน ไปจนถึงผู้บริหารและท่านประธานของเรา สุดท้ายนี้ ASAP Project ขอเป็นกำลังใจให้ทายาทในธุรกิจบริการทุกคนมองหายอดเขาของตัวเองให้พบโดยเร็วนะครับ

ASAP Project เป็นที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation ที่จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจด้วยเทคโนโลยี

#digitaltransformation #service #ทำที่บ้าน

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.