BARCODE ช่วยทำธุรกิจง่ายขึ้นได้อย่างไรและเมื่อไรเราควรจะนำมาใช้

Barcode เป็นแถบรหัสที่เรามักจะเห็นติดมาสับสินค้าทั่วไปเป็นประจำ แต่เราเคยสงสัยกันไหมครับว่า ในมุมของธุรกิจครอบครัวที่กำลังขยายของเราควรจะเริ่มนำ Barcode มาใช้กันตอนไหนดี วันนี้ ASAP Project อยากจะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจกันครับ

TYPE

ASAP Project X ทำที่บ้าน

Barcode ช่วยอะไรได้บ้างในธุรกิจ ?

Barcode เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มความแม่นยำในการจัดการข้อมูลต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะกับสินค้า แต่ยังรวมถึงกระบวนการภายใน และรหัส (Code) อื่นๆอีกด้วยเช่น

✅️ Item Code: ระบุว่าสินค้าชิ้นนั้นคืออะไร
✅️ Lot Number: บ่งบอกว่าสินค้านั้นผลิตมาจาก Lot ไหน
✅️ Warehouse Code: ระบุตำแหน่งในคลังสินค้า
✅️ Staff Code: ระบุว่าพนักงานคนใดเป็นผู้ดำเนินการ Transaction หรือ Record นั้นๆ

ลองจินตนาการตามดูนะครับ

พี่สมชายแสกน Barcode ที่บัตรพนักงานตัวเอง” ปิ๊ป” แล้วไปแสกน Barcode ที่ตัวสินค้า ”ปิ๊ป” พร้อมรหัส Lot และนำสินค้าไปจัดเก็บที่ Rack สินค้าพร้อมแสกน Code ที่ช่องชัดเก็บ “ปิ๊ป” ระบบจะเข้าใจว่า พี่สมชายได้จัดเก็บสินค้าอะไร Lot ที่เท่าไหร่ ไว้ที่จุดใด และเมื่อจะมีการเบิกสินค้าตัวนั้นออกมาจากคลัง ระบบก็จะสามารถระบุตำแหน่งที่ต้องไปหยิบสินค้าได้อย่างชัดเจน

ซึ่งการนำ Barcode เข้ามาใช้งานก็สามารถช่วยลดข้อผิดพลาดในการจัดการสินค้าลงไปได้มากกว่า 80% รวมถึงเพิ่มความเร็วในการตรวจนับสินค้าในสต๊อคได้ 3-5 เท่าเลยทีเดียว

เมื่อไหร่จึงควรพิจารณานำ Barcode มาใช้ ?

  • เมื่อการจัดการแบบ Manual รองรับไม่ไหว หากพบว่าการจัดการสินค้าด้วยมือก่อให้เกิดความผิดพลาดสูง เช่น การนับสต๊อคผิด หยิบสินค้าผิด หรือใช้เวลานานในการตรวจสอบข้อมูล Barcode สามารถช่วยลด Human Error และเพิ่มประสิทธิภาพได้มากทีเดียว

  • เมื่อธุรกิจต้องการความเร็วและความแม่นยำที่สูงขึ้น ธุรกิจที่ต้องการควบคุมสินค้าด้วยความแม่นยำ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ยา หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีข้อกำหนดเข้มงวดเรื่องการติดตาม Lot และ Serial Number Barcode ซึ่งจะช่วยให้ตรวจสอบย้อนกลับได้อย่างรวดเร็ว

  • เมื่อธุรกิจขยายและมีพนักงานมากขึ้น Barcode จะช่วยกรอบระบบการทำงานให้เป็นขั้นตอน ซึ่งจะทำให้พนักงานสอนงานและส่งต่องานกันได้ง่ายขึ้น

แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

  • โครงสร้างรหัสต่างๆ ต้องชัดเจน: เหมือนที่เรายกตัวอย่างไปในขั้นต้น การออกแบบรหัสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรหัสสินค้า รหัส (Lot No.), และอื่นๆ ต้องถูกออกแบบและกำหนดไว้ให้ชัดเจนตรงกัน

  • ระบบ ERP หรือ WMS ที่ใช้ต้องรองรับ Barcode: ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง (Generate) หรือบันทึกเพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับ Barcode Scanner ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ต้องมี Hardware ด้วย: ขาดไม่ได้เลยกับอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น Barcode Scanner หรือ Handheld รวมไปถึง Barcode Printer ซึ่งมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2,000 - 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันที่ต้องการใช้งาน

เทคโนโลยีอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน

จริงๆนอกจาก Barcode แล้ว ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ช่วยจัดการสินค้าคงคลังได้ ในบริบทที่ต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็น

01 QR Code

เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการให้พนักงานใช้ โทรศัพท์มือถือ ในการสแกนสินค้า เช่น ธุรกิจจัดส่งสินค้า หรือร้านค้าออนไลน์ที่ต้องตรวจสอบสินค้าก่อนส่ง แต่อาจจะไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการรักษาความลับเนื่องจากเสี่ยงต่อการที่พนักงานจะถ่ายรูปสินค้าออกไปได้

02 RFID (Radio Frequency Identification)

เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการตรวจสอบสินค้าแบบอัตโนมัติ เช่น Uniqlo ที่ใช้ RFID ในการตรวจนับสินค้าแบบรวดเร็วที่จุดชำระเงิน หรือ Sushiro ที่ใช้ RFID ที่ฝังไว้ในจานอาหารเพื่อตรวจนับจำนวนจานที่ลูกค้ารับประทานไปอย่างรวดเร็ว

03 Barcode และเทคโนโลยีใกล้เคียงอื่นๆ

ถือเป็นระบบที่ช่วยลดข้อผิดพลาด เพิ่มความเร็วความแม่นยำ ในการจัดการได้มาก แต่คุณต้องไม่ลืมที่จะวางพื้นฐานสำคัญด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงสร้างรหัสสินค้า และการขึ้นระบบ ERP เพื่อความสำเร็จในการทำ Digital Transformation ด้วยนะครับ

หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ Digital Transformation และงานด้านอื่นๆ สามารถปรึกษา ASAP Project ได้ที่ hello@asapproject.co หรือ www.asapproject.co เพื่อคุยกันเบื้องต้นได้เลย!

#ทำที่บ้าน #digitaltransformation

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.