โน้มน้าวใจผู้บริหารยุค Baby Boomer ด้วยแนวคิดแบบ Quantification

ในยุคที่ธุรกิจต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อความอยู่รอด การทำ Digital Transformation กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในธุรกิจครอบครัว การต้องโน้มน้าวผู้บริหารรุ่น Baby Boomer มักเป็นความท้าทายที่เรามักจะได้ยินกันมาหลายต่อหลายครั้ง

เพราะพวกเขามักมุ่งเน้น "ผลลัพธ์ที่ชัดเจน" มากกว่าเหตุผลที่นำเสนอ ในบทความนี้ ASAP Project จะชวนทุกคนมารู้จักแนวทางและการประเมินผลแบบ Quantification ด้วยตัวเลขที่ชัดเจนจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้พวกเขาเห็นคุณค่าและยอมเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น

TYPE

ASAP Project X ทำที่บ้าน

ลักษณะการมองธุรกิจและการตัดสินใจของ Baby Boomer

ผู้บริหาร Gen Baby Boomer มักมีมุมมองการบริหารที่ยึดติดกับประสบการณ์เดิมๆ ที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต พวกเขามักตัดสินใจโดยอ้างอิงข้อมูลที่เป็นรูปธรรม เช่น ยอดขาย กำไรสุทธิ หรือผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) สิ่งสำคัญที่ทายาทธุรกิจรุ่นสองควรเข้าใจคือ ความไม่มั่นใจต่อเทคโนโลยี ดังนั้น การจะบังคับให้พวกเขาเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีที่ดีกว่า โดยไม่มีข้อมูลอ้างอิงใดๆ เลย จึงไม่สามารถทำให้ผู้บริหารรุ่น Baby Boomer ตัดสินใจได้

Quantification คืออะไร?

Quantification หมายถึงแนวคิดการวัดผลให้ทุกอย่างอยู่ในรูปแบบของตัวเลข อัตรา หรือค่าต่างๆ ที่ชัดเจน ซึ่งง่ายต่อการเข้าใจและสามารถเปรียบเทียบประโยชน์หรือข้อเสียได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งในบริบทของการทำ Digital Transformation การทำ Quantification จะช่วยแสดงให้เห็นถึง ผลกระทบที่จับต้องได้ (Measurble Impact) เช่น การประหยัดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพ และการสร้างรายได้ใหม่ ซึ่งจะช่วยลดความลังเลและสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริหารที่ยึดติดกับตัวเลขยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ใช้โน้มน้าวใจ

การนำเสนอผลลัพธ์ในเชิงตัวเลขสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มากกว่า เช่น

✅ เพิ่มยอดขาย: การใช้ระบบ CRM หรือแพลตฟอร์ม E-commerce ช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าและปิดการขายเร็วขึ้นกับธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน ให้มียอดขายเพิ่มขึ้น 20% ภายใน 6 เดือนแรก

✅ ลดต้นทุน: ระบบ ERP ช่วยลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการทำงาน ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานลง 15% และประหยัดเวลาการทำงานของทีมงานไปได้ถึง 20%

✅ ลดความเสี่ยง: การนำระบบ Cloud มาใช้ สามารถลดความเสี่ยงจากการสูญหายของข้อมูลเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด และลด Downtime จากการใช้ Server แบบเดิมได้ถึง 30%

Quantification คืออะไร?

Quantification หมายถึงแนวคิดการวัดผลให้ทุกอย่างอยู่ในรูปแบบของตัวเลข อัตรา หรือค่าต่างๆ ที่ชัดเจน ซึ่งง่ายต่อการเข้าใจและสามารถเปรียบเทียบประโยชน์หรือข้อเสียได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งในบริบทของการทำ Digital Transformation การทำ Quantification จะช่วยแสดงให้เห็นถึง ผลกระทบที่จับต้องได้ (Measurble Impact) เช่น การประหยัดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพ และการสร้างรายได้ใหม่ ซึ่งจะช่วยลดความลังเลและสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริหารที่ยึดติดกับตัวเลขยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ใช้โน้มน้าวใจ

การนำเสนอผลลัพธ์ในเชิงตัวเลขสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มากกว่า เช่น

✅ เพิ่มยอดขาย: การใช้ระบบ CRM หรือแพลตฟอร์ม E-commerce ช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าและปิดการขายเร็วขึ้นกับธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน ให้มียอดขายเพิ่มขึ้น 20% ภายใน 6 เดือนแรก

✅ ลดต้นทุน: ระบบ ERP ช่วยลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการทำงาน ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานลง 15% และประหยัดเวลาการทำงานของทีมงานไปได้ถึง 20%

✅ ลดความเสี่ยง: การนำระบบ Cloud มาใช้ สามารถลดความเสี่ยงจากการสูญหายของข้อมูลเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด และลด Downtime จากการใช้ Server แบบเดิมได้ถึง 30%

Quantification คืออะไร?

Quantification หมายถึงแนวคิดการวัดผลให้ทุกอย่างอยู่ในรูปแบบของตัวเลข อัตรา หรือค่าต่างๆ ที่ชัดเจน ซึ่งง่ายต่อการเข้าใจและสามารถเปรียบเทียบประโยชน์หรือข้อเสียได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งในบริบทของการทำ Digital Transformation การทำ Quantification จะช่วยแสดงให้เห็นถึง ผลกระทบที่จับต้องได้ (Measurble Impact) เช่น การประหยัดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพ และการสร้างรายได้ใหม่ ซึ่งจะช่วยลดความลังเลและสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริหารที่ยึดติดกับตัวเลขยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างผลลัพธ์ที่ใช้โน้มน้าวใจ

การนำเสนอผลลัพธ์ในเชิงตัวเลขสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มากกว่า เช่น

✅ เพิ่มยอดขาย: การใช้ระบบ CRM หรือแพลตฟอร์ม E-commerce ช่วยเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าและปิดการขายเร็วขึ้นกับธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน ให้มียอดขายเพิ่มขึ้น 20% ภายใน 6 เดือนแรก

✅ ลดต้นทุน: ระบบ ERP ช่วยลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการทำงาน ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานลง 15% และประหยัดเวลาการทำงานของทีมงานไปได้ถึง 20%

✅ ลดความเสี่ยง: การนำระบบ Cloud มาใช้ สามารถลดความเสี่ยงจากการสูญหายของข้อมูลเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด และลด Downtime จากการใช้ Server แบบเดิมได้ถึง 30%

เครื่องมือหรือดัชนีที่ธุรกิจต่างๆ นิยมนำมาใช้

  • ROI (Return on Investment): คำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนในเทคโนโลยี เช่น หากลงทุน 1 ล้านบาทในระบบ CDP แล้วมีโอกาสทำกำไรเพิ่มขึ้น x%

  • TCO (Total Cost of Ownership): วิเคราะห์ต้นทุนรวม เช่น เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายต่อปี หรือ ต่อ 3 ปี ของการใช้ระบบใหม่เปรียบเทียบกับระบบเดิม

Stakeholders ที่เกี่ยวข้อง

การโน้มน้าวใจ Baby Boomer ไม่ใช่แค่เรื่องของผลลัพธ์หรือตัวเลขแต่เพียงอย่างเดียว แต่การเห็นว่าผู้คนใกล้ชิดรอบๆ ตัวนั้น ต่างก็เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะคนที่สนิท ให้ความไว้วางใจ หรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ดังนั้น ทายาทจึงจำเป็นต้องต้องสื่อสารเรื่อง Quantification นี้ไปยังบุคคลอื่นๆ ด้วย เช่น

  • ผู้บริหารระดับสูง บอร์ดบริหาร หรือ ฝ่ายบริหารที่ร่วมงานกันมานาน

  • หัวหน้าแผนกต่างๆ เช่น ฝ่ายขายหรือฝ่าย IT ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง และยิ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นพนักงานคนสำคัญขององค์กร ก็จะยิ่งช่วยโน้มน้าวได้มาก

  • ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี เพราะผู้เชี่ยวชาญก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถให้ความเห็นอย่างเป็นกลาง โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

  • เพื่อนและพันธมิตร มองข้ามไม่ได้เลยสำหรับผู้บริหารยุค Baby Boomer ที่มักจะขอความเห็นจากคนที่ไว้วางใจ และพรรคพวกที่คบหากันมานาน

เครื่องมือหรือดัชนีที่ธุรกิจต่างๆ นิยมนำมาใช้

  • ROI (Return on Investment): คำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนในเทคโนโลยี เช่น หากลงทุน 1 ล้านบาทในระบบ CDP แล้วมีโอกาสทำกำไรเพิ่มขึ้น x%

  • TCO (Total Cost of Ownership): วิเคราะห์ต้นทุนรวม เช่น เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายต่อปี หรือ ต่อ 3 ปี ของการใช้ระบบใหม่เปรียบเทียบกับระบบเดิม

Stakeholders ที่เกี่ยวข้อง

การโน้มน้าวใจ Baby Boomer ไม่ใช่แค่เรื่องของผลลัพธ์หรือตัวเลขแต่เพียงอย่างเดียว แต่การเห็นว่าผู้คนใกล้ชิดรอบๆ ตัวนั้น ต่างก็เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะคนที่สนิท ให้ความไว้วางใจ หรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ดังนั้น ทายาทจึงจำเป็นต้องต้องสื่อสารเรื่อง Quantification นี้ไปยังบุคคลอื่นๆ ด้วย เช่น

  • ผู้บริหารระดับสูง บอร์ดบริหาร หรือ ฝ่ายบริหารที่ร่วมงานกันมานาน

  • หัวหน้าแผนกต่างๆ เช่น ฝ่ายขายหรือฝ่าย IT ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง และยิ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นพนักงานคนสำคัญขององค์กร ก็จะยิ่งช่วยโน้มน้าวได้มาก

  • ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี เพราะผู้เชี่ยวชาญก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถให้ความเห็นอย่างเป็นกลาง โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

  • เพื่อนและพันธมิตร มองข้ามไม่ได้เลยสำหรับผู้บริหารยุค Baby Boomer ที่มักจะขอความเห็นจากคนที่ไว้วางใจ และพรรคพวกที่คบหากันมานาน

เครื่องมือหรือดัชนีที่ธุรกิจต่างๆ นิยมนำมาใช้

  • ROI (Return on Investment): คำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนในเทคโนโลยี เช่น หากลงทุน 1 ล้านบาทในระบบ CDP แล้วมีโอกาสทำกำไรเพิ่มขึ้น x%

  • TCO (Total Cost of Ownership): วิเคราะห์ต้นทุนรวม เช่น เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายต่อปี หรือ ต่อ 3 ปี ของการใช้ระบบใหม่เปรียบเทียบกับระบบเดิม

Stakeholders ที่เกี่ยวข้อง

การโน้มน้าวใจ Baby Boomer ไม่ใช่แค่เรื่องของผลลัพธ์หรือตัวเลขแต่เพียงอย่างเดียว แต่การเห็นว่าผู้คนใกล้ชิดรอบๆ ตัวนั้น ต่างก็เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะคนที่สนิท ให้ความไว้วางใจ หรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ดังนั้น ทายาทจึงจำเป็นต้องต้องสื่อสารเรื่อง Quantification นี้ไปยังบุคคลอื่นๆ ด้วย เช่น

  • ผู้บริหารระดับสูง บอร์ดบริหาร หรือ ฝ่ายบริหารที่ร่วมงานกันมานาน

  • หัวหน้าแผนกต่างๆ เช่น ฝ่ายขายหรือฝ่าย IT ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง และยิ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นพนักงานคนสำคัญขององค์กร ก็จะยิ่งช่วยโน้มน้าวได้มาก

  • ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี เพราะผู้เชี่ยวชาญก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถให้ความเห็นอย่างเป็นกลาง โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

  • เพื่อนและพันธมิตร มองข้ามไม่ได้เลยสำหรับผู้บริหารยุค Baby Boomer ที่มักจะขอความเห็นจากคนที่ไว้วางใจ และพรรคพวกที่คบหากันมานาน

สร้างแรงจูงใจด้วยการเล่าเรื่อง

การใช้ตัวอย่างความสำเร็จจากธุรกิจอื่นที่ใกล้เคียง หรืออยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันก็สามารถช่วยได้ เช่น กรณีศึกษาจากธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ประสบความสำเร็จจาก Digital Transformation รวมถึงบทความวิจัยจากสถาบันที่ปรึกษาชั้นนำที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีมาใช้ ก็ช่วยสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้กับคนรุ่นพ่อแม่ได้มากขึ้นเช่นกัน

มาถึงตรงนี้แล้วก็จะเห็นได้ว่า การโน้มน้าวใจผู้บริหาร Baby Boomer ให้ยอมรับ Digital Transformation ไม่ใช่เพียงการนำเสนอด้านเทคโนโลยีหรือเครื่องมือว่ามันดีอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง แต่คือการตอบคำถามสำคัญว่า "ทำแล้วจะได้อะไร?" ด้วยตัวเลขและผลลัพธ์ที่ชัดเจน พร้อมสร้างความมั่นใจในกระบวนการเปลี่ยนแปลง ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ และสื่อสารอย่างตรงจุด

สร้างแรงจูงใจด้วยการเล่าเรื่อง

การใช้ตัวอย่างความสำเร็จจากธุรกิจอื่นที่ใกล้เคียง หรืออยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันก็สามารถช่วยได้ เช่น กรณีศึกษาจากธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ประสบความสำเร็จจาก Digital Transformation รวมถึงบทความวิจัยจากสถาบันที่ปรึกษาชั้นนำที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีมาใช้ ก็ช่วยสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้กับคนรุ่นพ่อแม่ได้มากขึ้นเช่นกัน

มาถึงตรงนี้แล้วก็จะเห็นได้ว่า การโน้มน้าวใจผู้บริหาร Baby Boomer ให้ยอมรับ Digital Transformation ไม่ใช่เพียงการนำเสนอด้านเทคโนโลยีหรือเครื่องมือว่ามันดีอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง แต่คือการตอบคำถามสำคัญว่า "ทำแล้วจะได้อะไร?" ด้วยตัวเลขและผลลัพธ์ที่ชัดเจน พร้อมสร้างความมั่นใจในกระบวนการเปลี่ยนแปลง ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ และสื่อสารอย่างตรงจุด

สร้างแรงจูงใจด้วยการเล่าเรื่อง

การใช้ตัวอย่างความสำเร็จจากธุรกิจอื่นที่ใกล้เคียง หรืออยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันก็สามารถช่วยได้ เช่น กรณีศึกษาจากธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ประสบความสำเร็จจาก Digital Transformation รวมถึงบทความวิจัยจากสถาบันที่ปรึกษาชั้นนำที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีมาใช้ ก็ช่วยสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้กับคนรุ่นพ่อแม่ได้มากขึ้นเช่นกัน

มาถึงตรงนี้แล้วก็จะเห็นได้ว่า การโน้มน้าวใจผู้บริหาร Baby Boomer ให้ยอมรับ Digital Transformation ไม่ใช่เพียงการนำเสนอด้านเทคโนโลยีหรือเครื่องมือว่ามันดีอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง แต่คือการตอบคำถามสำคัญว่า "ทำแล้วจะได้อะไร?" ด้วยตัวเลขและผลลัพธ์ที่ชัดเจน พร้อมสร้างความมั่นใจในกระบวนการเปลี่ยนแปลง ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ และสื่อสารอย่างตรงจุด

หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ Digital Transformation และงานด้านอื่นๆ สามารถปรึกษา ASAP Project ได้ที่ hello@asapproject.co หรือ www.asapproject.co เพื่อคุยกันเบื้องต้นได้เลย!

#ทำที่บ้าน #digitaltransformation

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.