เริ่มทรานส์ฟอร์มอย่างไรดี ? กับธุรกิจครอบครัว
การคิดจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ได้ทำกันมาอย่างยาวนานในธุรกิจครอบครัวอาจจะฟังดูท้าทายสำหรับทายาททุกคน โดยเฉพาะการนำ “เทคโนโลยี” เข้ามาเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนแปลง ก็อาจจะทำให้การเริ่มเปิดประเด็นจะทำโปรเจกต์นี้กับที่บ้าน (ที่รุ่นก่อนอาจจะไม่คุ้นเคยและไม่สนใจในการใช้เทคโนโลยีใดๆ) เป็นเรื่องที่น่ากังวลไม่น้อย
แต่จริงๆ แล้ว หากเราวางแผนให้ถูกขั้นตอน และให้เวลากับการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป การทรานส์ฟอร์มก็ไม่ยากเกินไปครับ ไม่ว่าจะวันนี้ หรือในอนาคต ทุกองค์กรก็ต้องเปลี่ยน เพราะฉะนั้นการเริ่มจากวันนี้เพื่อความยั่งยืนในอนาคต เป็นสิ่งที่ทายาทต้องทำเพื่อต่อยอดธุรกิจ
TYPE
ASAP Project X ทำที่บ้าน
4 เฟสสำคัญในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจที่บ้าน
[1] ประเมินขั้นตอนการทำงานปัจจุบัน
แน่นอนว่าในฐานะผู้บริหาร เราก็จะเข้าใจกระบวนการทำงานของฝ่ายต่างๆ อยู่แล้ว แต่อยากให้เจาะลึกไปถึงจุดที่เป็น Pain Point หรือจุดที่ไม่มีประสิทธิภาพ ดูถึงเครื่องมือที่ใช้กันมาอย่างเนิ่นนาน หรือโอกาสที่จะทำบางเรื่องให้ดีกว่านี้ เช่น การทำบางขั้นตอนของงานให้เป็นอัตโนมัติ, โอกาสที่จะทำให้ลูกค้าแฮปปี้กว่าเดิมและซื้อซ้ำ เป็นต้น
นอกจากนี้ ให้หันกลับมาดูที่ตนเอง ว่ามีเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลเพียงพอหรือยัง มีมุมมองไหนที่ควรจะเห็นเพื่อพัฒนาธุรกิจได้อีกบ้าง และจะต้องใช้เครื่องมือใดเพื่อให้ได้มุมมองนั้นมา
[2] สร้างแผนการเปลี่ยนแปลงแบบมีกลยุทธ์
การจะทรานส์ฟอร์ม ต้องมีเป้าหมาย (Goal) ที่ชัดเจนว่าอยากจะเปลี่ยนแปลงองค์กรไปยังภาพใดในอนาคต โดยอาจจะเริ่มจากการวางเป้าหมายระยะสั้นใน 4 มุม ได้แก่
ประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานปกติ (Operation)
กำไรและยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง
ความสัมพันธ์และความพึงพอใจของลูกค้า
ความพึงพอใจของพนักงานในองค์กร
เมื่อมีเป้าแล้ว ให้เริ่มปันทรัพยากรมาลงในโปรเจกต์เพื่อให้มีคน เวลา และงบประมาณมากพอในการลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง และอย่าลืมคิดวิธีวัดผล ว่าเมื่อไหร่เราถึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ
[3] สร้างวัฒนธรรมแห่งการเปลี่ยนแปลง
พร้อมๆ กับการวางแผนและวางกำลังพลในการลงมือทำ ในฐานะทายาท เราควรเริ่มสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมให้คนคิดใหม่ทำใหม่ และกล้าที่จะลองเสนอความคิดเห็น แน่นอนว่าในตอนแรก อาจจะไม่มีใครมีความคิดสร้างสรรค์มากนัก เพราะอาจจะติดกับการทำงานแบบเดิมๆ แต่เราสามารถเริ่มก่อนได้ และแสดงให้ทุกคนเห็นว่า การคิดจะทำอะไรใหม่ๆ นั้นเป็นที่ยอมรับและชื่นชมในองค์กร
เราอาจจะมีการสร้างทีมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยคนที่มี Mindset ที่ดี ทัศคติเชิงบวก และชอบความท้าทายมาเป็นกลุ่มคนที่ทดลองสร้างความเปลี่ยนแปลงก่อน เพื่อเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจให้กับฝ่ายอื่นๆ ในองค์กร
[4] เริ่มจากก้าวเล็กๆ
การที่จะได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของรุ่นก่อน และพนักงานที่อาจจะอยู่มานานกว่า อาจจะต้องการหลักฐานแห่งความสำเร็จ หรือผลลัพธ์ที่เอามาอ้างอิงได้ ทายาทอาจจะต้องคิดดูว่ามีตรงไหนที่เราสามารถเริ่มทรานส์ฟอร์มได้แบบเล็กๆ ใช้ความพยายามและทรัพยากรไม่มาก แต่เห็นผลได้ไว และทำให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้รวดเร็วที่สุด
เช่น อาจเริ่มจากเรื่องที่ง่ายที่สุดอย่างการเปลี่ยนจากฟอร์มกระดาษมาเป็น Google Form และสร้างแดชบอร์ดข้อมูลพร้อมให้วิเคราะห์ได้ด้วยกราฟต่างๆ ใน Google Sheet ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะเบสิกมาก แต่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับพนักงานที่ต้องเอาข้อมูลมาคีย์เข้า Excel เพื่อปั่นรายงานหลายชั่วโมงต่อสัปดาห์แน่นอน
การทรานส์ฟอร์มจะไม่เกิด ถ้าทายาทไม่ลงมือทำ แน่นอนว่าการทรานส์ฟอร์มจริงๆ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ต้องกันเวลามาหาความรู้ด้านเทคโนโลยีหรือซอฟต์แวร์เพิ่มเติม ทำความเข้าใจ และศึกษาอีกมากเพื่อให้มั่นใจว่าเรากำลังนำองค์กรไปยังทางที่ถูกต้อง การหาที่ปรึกษาเข้ามาร่วมเดินทาง ก็อาจเป็นอีกคำตอบหนึ่งที่จะช่วยให้เรามั่นใจมากขึ้นเช่นกัน
หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ Digital Transformation และงานด้านอื่นๆ สามารถปรึกษา ASAP Project ได้ที่ hello@asapproject.co หรือ www.asapproject.co เพื่อคุยกันเบื้องต้นได้เลย!
#ทำที่บ้าน #digitaltransformation



