อยากวางระบบให้ธุรกิจ 'จ้างทำระบบ' หรือ 'ซื้อระบบสำเร็จ' แบบไหนดีกว่ากัน ?
สำหรับผู้บริหารรุ่นใหม่ทุกท่าน เราคงเจอคำถามเวลาที่อยากจะเอาระบบใหม่เข้ามาใช้ในองค์กร ว่าควรจะซื้อซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมาเลย หรือจะหาโปรแกรมเมอร์มาพัฒนาตามแบบที่เราต้องการดี? รอบๆ ตัวเราก็คงมีความคิดเห็นที่สนับสนุนทั้งสองข้าง เช่น ซื้อระบบสำเร็จรูปมาก็ไม่ตอบโจทย์ พัฒนาเองดีกว่า หรือ โปรแกรมเมอร์ที่จ้างมาพัฒนาก็ไม่เข้าใจความต้องการของ User แถมช้าและค่าใช้จ่ายบานปลายแน่นอน
TYPE
ASAP Project X ทำที่บ้าน
คำถามสำคัญ
👨💼 รู้จักตัวเอง เริ่มจากดูประเภทหรือลักษณะของธุรกิจเรากันก่อน โดยคุณสามารถเริ่มได้จากคำถามดังนี้
1. ธุรกิจของเราเป็นธุรกิจมาตรฐานทั่วไป หรือเป็นธุรกิจเฉพาะทาง? เช่น
ธุรกิจมาตรฐานทั่วไป: สินค้าซื้อมาขายไป ธุรกิจผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจบริการทั่วไป
ธุรกิจเฉพาะ: ธุรกิจผลิตเครื่องมือแพทย์ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจอัญมณีและทองคำ ธุรกิจการเงินและประกันภัย ธุรกิจ Start-up ที่ทำ Innovation ใหม่ๆ
รูปแบบนโยบายการทำงานและขั้นตอนการทำงานของเราซับซ้อนหรือไม่? เช่น
นโยบายการทำงานที่ซับซ้อน: มีการอนุมัติแบบหลายขั้นตอน โดยหลายผู้อนุมัติ, มีเงื่อนไขราคา ส่วนลด ซับซ้อน, มีเงื่อนไขการคิดค่าตอบแทนพนักงานซับซ้อน
นโยบายที่เรียบง่าย: การอนุมัติแบบชั้นเดียว, ราคาส่วนลดมีมาตรฐาน, มีตัวแปรด้านราคาน้อย
✅ ข้อพิจารณา
ถ้าเป็นธุรกิจมาตรฐานและการทำงานไม่ซับซ้อน → เลือกซอฟต์แวร์สำเร็จรูป เพราะผู้พัฒนาผ่านโจทย์แบบเรามาเยอะแล้ว มีแบบแผนที่จะช่วยเราได้ ไม่ต้องออกแรงและเงินโดยไม่จำเป็น
ถ้าเป็นธุรกิจมาตรฐานแต่การทำงานซับซ้อน → เลือกซอฟต์แวร์สำเร็จรูป แต่อาจจะต้อง Customize เพิ่มบางส่วน
ถ้าเป็นธุรกิจเฉพาะทางแต่การทำงานไม่ซับซ้อน → ลองสำรวจตัวเลือกที่เป็นซอฟต์แวร์สำเร็จรูปในตลาดที่พัฒนามาสำหรับธุรกิจเฉพาะของเราดูก่อน ซึ่งมักจะมีอยู่บ้าง หากลองคุยดูแล้ว ไม่ตอบโจทย์ค่อยลองคุยกับ Developer ที่รับพัฒนาระบบ
ถ้าเป็นธุรกิจเฉพาะทางและการทำงานซับซ้อน → ลองคุยกับ Developer ที่รับพัฒนาระบบ แต่อาจจะต้องเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่และมีความเชี่ยวชาญในการทำระบบที่ใกล้เคียงกับความต้องการของเรามาบ้างแล้ว จะดีกว่าครับ
💸 Budget หรืองบประมาณที่มี
ลองดูก่อนว่าเรามีงบประมาณที่จะลงกับโปรเจกต์ของเราได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจริงๆ แล้วการลงทุนตรงนี้ขึ้นอยู่กับว่าระบบที่เราต้องการจะเอาเข้ามาเป็นระบบอะไร ลองดู Guideline คร่าวๆ เกี่ยวกับการพัฒนาระบบขึ้นมาได้ตามนี้
มีงบต่ำกว่า 100,000 → ต้องหาระบบสำเร็จรูป แทบจะไม่มีใครรับพัฒนาระบบใหม่ด้วยงบนี้
มีงบ 100,000 - 500,000 → ส่วนใหญ่จะรองรับการพัฒนาเว็บไซต์ทั่วไป แต่อาจจะไม่ถึงกับระบบหรือแอปพลิเคชันที่ซับซ้อน
มีงบ 500,000 - 1,000,000 → รองรับการทำระบบบางอย่างได้ ที่มีแพลตฟอร์มหรือโมดูลเดียว และไม่ซับซ้อนมาก ทำงานตรงไปตรงมา หรือเว็บไซต์ระบบ Advance ดีๆ
มีงบ 1,000,000 - 5,000,000 → เริ่มคุยเรื่องการพัฒนาระบบที่ซับซ้อนขึ้นมาได้ครับ
อย่างไรก็ตาม ควรจะทำความต้องการออกมาละเอียดที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อคุยกับ Developer ให้ทำราคามาคุยกันอย่างชัดเจนอีกที
🧑🤝🧑 ทีมงาน
ทีมงานที่จะเข้ามาอยู่ในโปรเจกต์การทำระบบของเรานั้นเป็นส่วนสำคัญมากต่อความสำเร็จ และการตัดสินใจเลือกแนวทางในการนำเข้ามาใช้ โดยอยากให้ดูทักษะ ความเชี่ยวชาญ และเวลาของทีมเป็นสำคัญ ดังนี้
หากมีทีม IT เฉพาะ หลายคน ที่เข้าใจ Cycle การพัฒนาระบบ การคุยกับ Developer การติดตามงาน การทำ Project Management อย่างมีระบบ และมีประสบการณ์ในการร่วมพัฒนาระบบใดๆ มาแล้ว → สามารถเป็นปัจจัยสนับสนุนในการเลือกจะพัฒนาระบบเองได้ดี
หากมีทีม IT แต่ไม่ได้มีหลายคน และไม่ได้มีประสบการณ์ตรงกับการพัฒนาระบบเอง → เหมาะกับการนำซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเข้ามาใช้งานและให้ IT เป็นผู้ประสานงานเดินโปรเจกต์
หากไม่มีทีม IT เป็นของตัวเอง ต้องดูว่าแล้วมีใครที่สามารถมอบหมายให้เป็น Project Champion ที่ดูแลผลักดันโปรเจกต์นี้ได้หรือไม่ กล่าวคือ ควรเป็นคนที่สามารถดึง Requirement จากฝ่ายต่างๆ ได้ ประสานงานระหว่างเราและ Supplier ได้ดี และมีประสบการณ์ในด้าน IT หรือระบบมาบ้าง
หากมี → เหมาะกับการนำซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเข้ามาใช้งาน
หากไม่มีและต้องการรับเข้ามาเพิ่ม → จะช่วยให้พร้อมกับการนำซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเข้ามาใช้งาน
หากไม่มีและไม่อยากรับเข้ามา จะใช้ Third Party หรือที่ปรึกษาข้างนอกเข้ามาช่วย → ทำได้ 2 แนวทาง ทั้งนำซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเข้ามาใช้และพัฒนาเอง ขึ้นอยู่กับคำตอบในคำถามที่ 1 และ 2 ข้างต้น
หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ Digital Transformation และงานด้านอื่นๆ สามารถปรึกษา ASAP Project ได้ที่ hello@asapproject.co หรือ www.asapproject.co เพื่อคุยกันเบื้องต้นได้เลย!
#ทำที่บ้าน #digitaltransformation



