top of page
  • Thiti Kunajipimol

รีวิว 10 จุดเด่นของ ZORT ระบบจัดการออเดอร์และสต็อกสำหรับธุรกิจขายออนไลน์หลายช่องทาง

วันนี้เราจะมาพูดกันถึงเครื่องมือที่ผู้ประกอบการที่ทำการขายแบบหลายช่องทางกำลังมองหาอย่าง "Order Management System" หรือระบบ #OMS กันครับซึ่งพอพูดถึง OMS ที่มาแรงสุดๆ แล้วในตอนนี้ ไม่พูดถึง “#Zort” ก็คงไม่ได้แน่นอน


วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับ 10 จุดเด่นของ Zort ระบบ Order Management ที่จะช่วยในการบริหารจัดการ ติดตามสถานะของออเดอร์จากช่องทางการขายต่างๆ ตั้งแต่การรับออเดอร์ไปจนถึงการ Pick Pack และจัดส่ง ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้คุณสามารถมองเห็นภาพตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำได้ชัดเจน ไม่พลาดทุกออเดอร์



และนี่คือ 10 จุดเด่นกับ Zort ครับ!



#1 จัดการออเดอร์หลากหลายช่องทางที่สุด (Omnichannel Order Management)

Zort สามารถเชื่อมต่อดึงออเดอร์จากช่องทางการขาย ได้จากหลายช่องทางมากๆ ไม่ว่าจะเป็น marketplace platform อย่าง Lazada, Shopee, JD.com, Line Myshop, และ NocNoc.com

หรือหากเป็นเว็บไซต์ของแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นมาเอง ก็สามารถรองรับแพลตฟอร์มอย่าง WooCommerce, Magento, Shopify, Opencart, และ KetshopWeb รวมถึงยังมี Open API หากต้องการเชื่อมต่อเองได้ด้วยครับ

#2 ขายผ่าน Social Media ได้ง่ายกว่า!

Zort สามารถช่วยให้คุณบริหารจัดการการขายผ่าน Facebook และ LineOA ได้โดยรวบรวมห้องแชทจาก Facebook Messenger และ Line OA มาไว้ในที่เดียว จากหลายๆ Page และหลายๆ Account

อีกทั้งยังสามารถเปิดออเดอร์ ติดแท็ก ส่งข้อความที่ใช้บ่อย แชร์สินค้า และส่งลิงค์ให้ลูกค้าชำระเงิน และ ติดตามออเดอร์ได้ผ่านระบบนี้ทั้งหมด!


#3 ขายผ่าน Live Commerce ได้ในระบบเดียวกัน

นอกจาก Social commerce แล้ว Zort ยังเชื่อมต่อการขายผ่าน Live กับ Facebook โดยสามารถตั้งค่าการคอมเม้นท์ CF เพื่อดูดออเดอร์เข้าระบบอัตโนมัติ โดยลิงค์ฐานข้อมูลสินค้าจากระบบหลังบ้านของ Zort และสามารถส่งลิงค์ยืนยันออเดอร์ให้กับลูกค้าเพื่อทำการชำระเงินได้ง่ายๆในทันที


#4 ระบบ POS ในตัว

มากไปกว่าการขายผ่านช่องทาง Online แล้ว Zort ยังได้พัฒนาในส่วนของระบบ POS ที่ช่วยตอบโจทย์ให้ธุรกิจที่มีทำการขายแบบ #O2O (Online to Offline) ให้สบายขึ้นอีกด้วยโดยใช้งานบนฮาร์ดแวร์เฉพาะของ Zort ในระบบ Android จัดการการบันทึกขาย บันทึกรายละเอียดลูกค้า กำหนดโปรโมชันของแต่ละสาขาและดูสต็อกได้ โดยที่สต็อกดังกล่าวนี้จะลิงค์กับคลังในช่องทางการขายอื่นๆด้วย

#5 การจัดการคลังสินค้า

หนึ่งในจุดเด่นของ Zort ที่ไม่แนะนำไม่ได้เลยนั่นคือเรื่องการจัดการคลังสินค้า เพราะตัวระบบสามารถสร้างคลังได้หลายคลัง แล้วแต่จะแยกตามแพลตฟอร์มช่องทางการขาย หรือจะแยกตามคลังที่มีอยู่จริงก็ได้ โดยจะแยกเป็นประเภทฝากขายหรือทั่วไป

หากเป็นคลังสำหรับแพลตฟอร์มออนไลน์ จำนวนสินค้าคงเหลือก็สามารถอัพเดทตัวเลขกันได้แบบ Real-time หรือเกือบจะ Real-time ซึ่งเราจะเห็นได้ทันทีว่ามีสต็อกพร้อมขายจริงเท่าไหร่ คงเหลือเท่าไหร่ โดยระบบจะมีการจองสินค้าไว้ให้ก่อน และเมื่อส่งของออกไปแล้ว จึงค่อยตัดสต็อกออกไป

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์การกระจายสินค้า หรือ Allocation เป็น % ว่า สินค้าทั้งหมด 100 ชิ้น ในคลังๆนี้ เราจะกันเป็นโควต้าให้แต่ละช่องทางได้ ช่องทางละกี่% และจำนวนนี้จะไปแสดงบนแต่ละช่องทางขายที่เลือก เพื่อป้องกันการแย่งสต็อกกัน ถือว่า Zort คิดมาดีจริงๆ สำหรับธุรกิจขายออนไลน์


#6 การจัดการสินค้าเพื่อทำแคมเปญกับแพลตฟอร์มต่างๆ

คุณสามารถกำหนดโควต้าสินค้าที่จะเข้าร่วมแคมเปญกับแพลตฟอร์มออนไลน์ แบบจำนวนจำกัดได้ง่ายๆ เช่น ลด 50% สำหรับลูกค้า 20 ท่านแรก สูงสุดท่านละ 1 ชิ้นเท่านั้น Zort จะก็ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณจะไม่ขาดทุนในการขาย และแน่นอนว่า วัดผลกันเป็นรายแคมเปญได้ด้วยครับ


#7 จัดการตัวแทนการขายแบบ Dropship ให้สะดวกกว่าเดิม

Zort มาพร้อม Portal สำหรับตัวแทนจำหน่ายโดยเฉพาะ ถ้าคุณมีลูกค้าประจำ หรือ Dealer ที่สั่งสินค้า

ของคุณบ่อยๆแล้วล่ะก็ Zort สามารถที่จะสร้าง Portal เฉพาะลูกค้าหรือ Dealer รายนั้นๆ ให้พวกเขาได้ใช้ในการสั่งสินค้าแบบสะดวกสบายได้เลย โดยคุณสามารถกำหนดสิทธิการสั่งว่าจะอนุญาตให้เข้าถึงสินค้าตัวไหนหรือประเภทไหนได้บ้าง เป็นราคาพิเศษเฉพาะราย หรือส่วนลดพิเศษด้วยหรือไม่ในสินค้าแต่ละชิ้นได้ด้วย


#8 หน้า Sale Page

Zort มีฟีเจอร์ใหม่ให้เราสร้างหน้าเว็บไซต์ขึ้นมาเฉพาะของแต่ละสินค้า เพื่อเอาไป Embed ในเว็บต่างๆ หรือส่งให้ลูกค้า โดยสามารถกำหนดราคาที่จะแสดงตามกลุ่มลูกค้า และยังแปะ Tag เพื่อ Tracking Traffic จากหลายที่มาของหน้านั้นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งผมมองว่านี่เป็นฟังชั่นที่เหมาะมากๆ ถ้าคุณทำ Marketing Campaign อะไรบางอย่างและจะนำ Sales Page ของ Zort ไปเป็นหนึ่งใน Call to Action Button เพื่อเปิดท้ายด้วยการขายครับ


#9 เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ Logistic ชั้นนำ

Zort เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการหลายๆเจ้าที่ทุกคนรู้จักดีอย่าง J&T, Flash, Ninja Van, ไปรษณีย์ไทย, และ Kerry ซึ่งจะทำให้คุณสามารถจัดการ การขนส่งสินค้าของคุณได้แบบสะดวกยึ่งขึ้น ตั้งแต่การคำนวนค่าจัดส่งไปจนถึงการพิมพ์ใบปะหน้าพัสดุ และแจ้งเลขที่ Tracking กลับให้กับลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ และนอกจากผู้ให้บริการขนส่งแล้ว Zort ยังเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ Fullfilment ได้อีกด้วย


#10 การเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ

นอกจากระบบที่เราพูดถึงกันมาข้างต้นแล้ว Zort ยังมีพาร์ตเนอร์รายอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบบัญชี อย่าง #Peak และ #AccRevo เพื่อส่งต่อเอกสารทางบัญชีไปได้แบบ Seamless และมีเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ CRM อย่าง #Buzzebees เพื่อรองรับการสะสมแต้มผ่าน Line ในอนาคตอันใกล้อีกด้วย


Zort เหมาะกับใคร?

  1. ธุรกิจที่ทำการขายผ่านหลายช่องทางโดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ต่างๆ ต้องการบริหารจัดการคลังที่ยืดหยุ่น และบริหารจัดการออเดอร์ได้อยู่หมัดตั้งแต่รับมาจนส่งถึงมือลูกค้า

  2. ธุรกิจที่ต้องการจะเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์พันธมิตรของ Zort หรือ อยากพัฒนา API เพื่อเชื่อมกับซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่ใช้อยู่

ราคาและแพ็กเกจ

Zort จัดแพ็กเกจออกมาให้เราได้พิจารณาหลายแบบด้วยกัน ตามความต้องการของแต่ละธุรกิจ (ดูเพิ่มเติม)

  • ถ้าเอาแบบที่มีฟีเจอร์ครบเครื่องอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ก็อาจจะต้องใช้แพ็กเกจ E-commerce ซึ่งเริ่มต้นที่ 2,000 บาท/เดือน

  • แต่หากแพ็กเกจที่ Zort มีให้ ยังไม่ตอบโจทย์คุณแล้วล่ะก็ Zort ก็สามารถคิดค่าบริการแบบ On-demand ให้คุณได้เช่นกัน โดยมีตารางคำนวน ให้คุณได้ลองออกแบบได้ด้วยตัวเองเลยว่า ต้องมีช่องทางการขายกี่ช่องทาง ผู้ใช้งานกี่ท่าน คลังสินค้ากี่คลัง หรือจะใช้บริการเสริมอะไรเพิ่มเติมบ้าง แล้วตัวระบบจะช่วยประเมินค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมออกมาให้คุณได้ตัดสินใจครับ

✨สิทธิพิเศษสำหรับผู้ติดตาม Toolscape✨

✅ เมื่อสั่งซื้อแพ็กเกจ ZORT ใช้งานได้ฟรีก่อนเลย 30 วัน เพียงระบุโค้ด "ZORTTOOL" ที่หน้าการสั่งซื้อแพ็กเกจ!

✅ อย่าลืมสมัครทดลองใช้งานฟรีแบบ Full Feature ที่ลิงค์นี้ https://bit.ly/3S5nZwq


bottom of page