เพราะการเดินช้อปปิ้งในปัจจุบัน ไม่ได้มีจุดประสงค์แค่ซื้อของอีกต่อไป แต่เป็นการเสพประสบการณ์จากแบรนด์ และร้านค้าต่างๆ ทำให้ร้านที่มีสินค้าดีที่สุดไม่ได้หมายถึงยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นเสมอไป ผู้ประกอบการศูนย์การค้าต่างๆ จึงต้องมองหาสิ่งใหม่ๆ ที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับ shopper แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน สร้าง “ความสนุก” ในการช้อปปิ้ง ไม่ใช่แค่ราคาที่ดึงดูด มาดูตัวอย่างกันว่าศูนย์การค้าต่างๆ ทั่วโลกมีความคิดอะไรใหม่ๆ กันบ้าง
การใช้ LED Screen
จอ LED ไม่ใช่แค่จออีกต่อไป ปัจจุบันกลายเป็นสกรีนขนาดใหญ่ จนอาจจะถือว่าเป็นอีกผนังเลยก็ว่าได้ ถูกนำมาใช้เพื่อแสดง animation แสงสีเสียง นอกจากแค่การโชว์โฆษณาธรรมดา เหมือนเป็นการแสดงที่ทำให้ shopper ที่มาเดินห้างรู้สึกเพลิดเพลินและได้รับการ entertain ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น NEXNOVO ผู้ให้บริการ LED Screen กับแบรนด์ดังต่างๆ ทั้งในจีนและทั่วโลก
AR & Digital simulations
การใช้ Augmented Reality เป็นอีกหนึ่งเทรนด์สำหรับร้านค้าต่างๆในธุรกิจรีเทล เพื่อช่วยให้ shopper เห็นภาพง่ายขึ้น ตัดสินใจเร็วขึ้น พร้อมกับความสนุกอีกด้วย เช่น
H&M เริ่มใช้ Smart Mirror เพื่อให้ลูกค้าลองจำลองการใส่เสื้อผ้า ก่อนทำการซื้อ
Sephora ใช้เทคโนโลยี AR ให้สาวๆ ลองใช้เครื่องสำอางบนใบหน้า เพื่อดูว่าเข้ากับสีผิวหรือไม่
Zara เปิดตัวแอพพลิเคชั่น "Shop the look"ที่ใช้ Augmented Reality เพื่อให้ shopper สามารถกดแสดง product แต่ละตัวแบบ live ได้ โดยหันมือถือไปยังที่ที่กำหนดไว้ แล้วก็จะเห็นนางแบบปรากฏขึ้นมาเป็น Hologram ประมาณ 7-12 วินาที ซึ่งจากตรงนั้นก็สามารถเลือกซื้อหรือดูสินค้าใกล้เคียงต่อได้เลย
IKEA หรือแบรนด์อย่าง Lowe’s Home Improvement ก็เปิดตัวแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้ visualize การวางเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่ว่างๆ ได้อย่างง่ายๆ
นอกจากการสร้างประสบการณ์ในร้านให้กับลูกค้าแล้ว การลงทุนอีกเรื่องของธุรกิจรีเทล ก็ลงไปกับการเก็บข้อมูลจาก shopper ให้ได้มากที่สุด เช่น การดักสัญญาณโทรศัพท์มือถือระหว่างที่ลูกค้าอยู่ในร้านและส่งข้อความไปให้แบบ real-time ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ใกล้ร้านไหน หรือเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นต้น CBRE บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาชื่อดัง ก็ได้เปิดตัวบริการใหม่ (Calibrate service) เพื่อช่วยผู้ประกอบการเหล่านี้วิเคราะห์ข้อมูล big data ที่ได้มาผ่านเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้อีกด้วย
การดีไซน์ศูนย์การค้า จึงไม่ใช่แค่การสร้างตึกและแบ่งห้องให้ร้านค้าแบบแต่ก่อน แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่จะทำให้คนที่มาเดินได้มีปฏิสัมพันธ์และประสบการณ์ทั้งกับแบรนด์ต่างๆ ที่อยู่ข้างใน และกับตัวศูนย์การค้าเอง จนมีคำใหม่ๆอย่าง “People Architecture” ที่เฟิร์มสถาปนิกดังอย่าง Woods Bagot ใช้ในการนิยามตนเอง
การทำรีเทลในยุคดิจิตอลที่มีความแข่งขันสูง ต้องมี “Passion” มากกว่าเดิม ทำให้ shopper ต้องสามารถทั้ง “play, live, shop” ได้ในเวลาเดียวกันนั่นเอง
Credit: Nexnovo, digitalavmagazine.com, electricrunway.com, swedbrand-group.com