- Thiti Kunajipimol
5 สิ่งที่ต้องเตรียมตัว ขยายจาก Offline สู่ Online
การเปลี่ยนช่องทางการขายจาก Offline สู่ Online น่าจะเป็นคำถามอันดับต้นๆ ของใครหลายๆคนที่เริ่มทำ Transformation ในช่วงนี้ ยิ่งถูกเร่งจากสถานการณ์ Covid-19 แล้ว การขายของบนโลก Onine ก็คงเป็นสิ่งที่ทุกคน “ต้องทำ” ในอนาคต
ในบทความนี้ ASAP Project จะมาชวนทุกคนที่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะเริ่มอย่างไร หรือ เริ่มไปแล้วแต่ไม่มั่นใจว่าถูกต้องหรือเปล่าลองกลับมาสำรวจตัวเองกันครับ
1. เลือกช่องทาง และ Platform
“ลูกค้าของคุณคือใคร” คือประโยคคำถามที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ คุณควรศึกษาให้ดีว่าลูกค้าของคุณจริงๆแล้วอยู่ที่ไหนมากที่สุด การพาธุรกิจของคุณไปอยู่บน Platform เป็นสิ่งที่ “ควรทำ” เป็นอันดับแรกๆ
แน่นอนว่าถ้าเป็นสินค้าใช้สอย ทั่วไป คุณอาจจะต้องมองหา Platform อย่าง Lazada Shopee
ถ้าเป็นสินค้า Fashion ก็อาจจะต้องทำงานบน Facebook Instagram
ถ้าเป็นอาหาร ก็อาจจะต้องมองผู้ให้บริการ Delivery รายต่างๆ
ถ้าเป็นสินค้า B2B หรือ Service การมีเว็ปไซต์ของตัวเองเพื่อให้สามารถสื่อสารข้อมูลได้ครบถ้วน และเพื่อความน่าเชื่อถือก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้มีกฎว่าคุณจะอยู่บนหลาย Platform ไม่ได้ หลายๆธุรกิจก็ใช้หลายๆช่องทางร่วมกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการขายและการตลาด แต่ก็ต้องไม่ลืมศึกษาเงื่อนไขในการ ใช้งาน Platform ต่างๆให้ดีด้วยว่าช่องทางไหนจะเกิดประโยชน์ และ คุ้มค้าที่สุด
2. ทดสอบก่อนค่อยลุย
เมื่อคุณเลือกช่องทางที่คิดว่าเหมาะสมได้แล้ว อย่าพึ่งทุ่มหมดหน้าตัก เราขอแนะนำให้ลองทดสอบเล็กๆน้อยๆดูก่อนว่าตลาดให้ผลตอบรับอย่างไร
ลูกค้าประจำจะสามารถปรับตัวไปกับเราได้ไหม หรือคุณอาจจะได้ลูกค้าหน้าใหม่ๆเพิ่มเติมขึ้น รวมทั้งทีมงานของคุณเอง ว่าจะสามารถ บริหารจัดการ การขายผ่านช่องทางใหม่นี้ได้อย่างไรยังมีอะไรขาดเหลือที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนจะลุย 100% หรือไม่
หรือคุณอาจจะลองทดสอบพร้อมๆกันในหลายๆช่องทาง เพื่อให้ผลลัพธ์บอกคุณว่า คุณควรจะเลือกลงทุนไปกับช่องทางไหนมากที่สุดก็ได้
3. วางระบบแบ่งงานหน้าที่ให้ชัดเจน
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานอาจนำมาซึ่งอุปสรรค์หลายๆอย่าง และนี่คือเวลาที่คุณและทีมงานต้องวางแผนการจัดการให้ชัดเจนว่า ใครจะรับผิดชอบจุดไหน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน ไม่ให้เกิดเนื้องานทับซ้อน และเพื่อให้คุณสามารถวัดผลได้อย่างตรงไปตรงมา
4. เสริมอาวุธกำจัดจุดอ่อน
เมื่อกิจการบนโลก Online เติบโตขึ้น คุณจะเริ่มมองเห็นปัญหาต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริการลูกค้า Platform ที่ใช้งานไม่รองรับแคมเปญด้านการตลาดที่ต้องการ หรือแม้กระทั่งทีมงานไม่เพียงพอ เราอยากให้คุณวิเคราะห์สถานการดีๆแล้วแบ่งปัญหาออกเป็นสองส่วน คือ
1) ปัญหาที่ต้องต้องใช้คนแก้ 2) ปัญหาที่ไม่ต้องใช้คนแก้
ปัญหาบางอย่างต้องการคนเข้าไปดูแล เช่น การคิดแคมเปญว้าวๆ หรือการแนะนำสินค้า แต่ปัญหาบางส่วนการเพิ่มคนอาจจะสามารถช่วยได้ในช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายคุณก็จะต้องตามมาแก้ปัญหาเรื่องคนอีกอยู่ดี โดยเฉพาะความผิดพลาดจากการทำงานแบบ Manual คุณอาจจะต้องลองมองหาเครื่องมือที่เป็น Software หรือ Application อย่าง CRM, Order management, Marketing Automation มาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขาย ซึ่งการเลือกเครื่องมือดังกล่าวก็จะต้องพิจารณาให้ดี เพราะเราเชื่อว่า คุณน่าจะอยากให้เครื่องมือเหล่านั้นสามารถทำงานร่วมกันหรือเชื่อมต่อกันได้ รวมไปถึงการพิจารณาด้านข้อจำกัดว่ามันสามารถรองรับความต้องการของคุณได้มากน้อยเพียงใด
5. Scale up
คุณอาจจะใช้เวลาสักพักในช่วงแรกสำหรับการปรับเรื่องนั้นเรื่องนี้ และเมื่อทุกอย่างกำลังไปได้สวย กระบวนการขายเริ่มอยู่ตัว และคุณไม่ต้องเข้าไปแก้ปัญหามากมายเหมือนช่วงแรกๆ ก็น่าจะถึงเวลาของการขยายแล้วล่ะ
การขยายตัวในที่นี้หมายถึงการปรับสัดส่วนการขายผ่านช่องทาง Offline มาเป็น Online มากขึ้น ขยายไปยังช่องทางอื่นๆ เพิ่มประเภทและจำนวนสินค้า ทำการตลาดและมาร์เกตติ้ง หรือแม้กระทั่งการเสริมประสิทธิภาพการทำงานด้วยการเลือกใช้ Software ดีๆ ในส่วนของหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ERP, Accounting, HR Managment และอื่นๆ โดยวางแผนให้ทุกๆตัวสามารถทำงานร่วมกันได้ตามความเหมาะสม เพื่อลดการทำงานแบบ Manual และสร้าง Digital work system ให้ธุรกิจของคุณแข็งแกร่งพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และเพื่อให้คุณเอาเวลาส่วนใหญ่ไปโฟกัสที่การขาย และ การพัฒนาธุรกิจไปข้างหน้า
ในฐานะของ Software Selection Consultant เราเชื่อว่าการให้เวลาเพื่อวางแผน และ พิจารณาเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมอย่างรอบคอบ จะช่วยให้ขั้นตอนที่เหลือสบายและง่ายขึ้น ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่ธุรกิจของคุณจะประสบความสำเร็จได้ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว