เวลาไหนเหมาะสมที่สุดในการ 'วางระบบ' ให้ธุรกิจคือตอนไหน ?

หลายๆ คนน่าจะกำลังคิดจะเอาระบบใหม่เข้ามาใช้ในองค์กร แต่ก็ยุ่งกับงานประจำตรงหน้า หรืออาจไม่รู้ว่า ถึงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มระบบใหม่แล้วหรือยัง จนสุดท้ายก็ยังไม่ได้เริ่มโปรเจกต์ที่อยากจะทำเสียที ในบทความนี้ เราจะมาช่วยกันตอบคำถามว่า “เมื่อไหร่” คือเวลาที่ดีในการเริ่มทำระบบใหม่ในองค์กร


TYPE

ASAP Project X ทำที่บ้าน

จำกัดความของคำว่า “การเริ่มทำระบบใหม่”

การ “เริ่ม” ทำระบบใหม่ ไม่ได้แปลว่า “เริ่มใช้งาน” แต่อยากให้เข้าใจว่าเป็นการเริ่ม “ศึกษา” หรือ Research ต่างหาก

กว่าจะได้ใช้ เราต้องผ่านการ (a) หาข้อมูล (b) เปรียบเทียบตัดสินใจ (c) ซื้อ (d) ขึ้นระบบ ถึงจะมาเป็น (e) เริ่มใช้จริง เพราะฉะนั้น การเริ่มทำระบบใหม่นั้น จริงๆ แล้ว หนทางอาจจะยาวไกลกว่าที่ทุกคนเข้าใจ ดังนั้น เรามาทำความเข้าใจใหม่ให้ถูกต้อง ว่าการเริ่มทำระบบใหม่นั้น เป็นก้าวแรกที่ไม่ได้ยากและสามารถเริ่มได้โดยยังไม่ต้องลงทุนสักบาท แต่เป็นการเริ่มหาข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลและความชัดเจนว่าจะทำ หรือไม่ทำอะไรบ้าง ซึ่งแค่นี้ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

แล้วเริ่มเมื่อไหร่ดีที่สุด?

คำว่า “ดีที่สุด” ​อาจยากที่จะพูดให้ชัด เหมือนถามว่าเมื่อไหร่ควรจะเริ่มออกกำลังกาย เริ่มลดน้ำหนัก หรือบอกเลิกใครสักคน
ถ้าจะให้ตอบก็ควรจะเป็น “ทันที…ที่ตระหนักได้ว่าระบบ Software หรือ IT เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นต่อองค์กร” แล้ว เมื่อตระหนักได้ ก็ควรจะเริ่ม (a) ตั้งโปรเจกต์และฟอร์มทีมทำงาน (b) วางแผนและระยะเวลาในการทำงาน วางเป้าว่าจะทำอะไร และ (c) ให้ความสำคัญกับโปรเจกต์นั้น

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น แม้โปรเจกต์ของเราอาจจะเป็นแค่การเริ่มหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจหาขั้นตอนถัดไป แต่ก็ควรให้ความสำคัญ เพราะถ้าวันนี้ เรื่องระบบยังไม่อยู่ในลำดับความสำคัญต้นๆ ของเรา วันพรุ่งนี้หรือเดือนหน้า มันก็อาจจะไม่อยู่เหมือนกัน รู้ตัวอีกที ก็ยังจะถามคำถามเดิมๆ ว่าเมื่อไหร่เราจะมีระบบใหม่นะ?

📍 พิจารณาปัจจัยเหล่านี้เพื่อส่งเสริมการตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม หากต้องการตัดสินใจเลือกวันเริ่มต้นของโปรเจกต์ได้อย่างเหมาะสม ลองพิจารณาปัจจัยต่างๆ ด้วยการตอบคำถามเหล่านี้กันก่อน

  1. บริษัทอยู่ในช่วงเวลาวิกฤตหรือเผชิญความเสี่ยงอยู่หรือไม่? ต้องมีการเอาทรัพยากรทุกอย่างในบริษัทมาลงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารายวันกันอยู่หรือเปล่า? ช่วงเวลาที่ดี ก็น่าจะเป็นช่วงที่พอหาทรัพยากรมาทำงานได้ และขั้นตอนการทำงานที่เป็นแกนหลักขององค์กร มีระบบหรือ SOP ที่ใช้งานรองรับได้อยู่บ้างแล้ว

  2. ตัวของเราเอง (ทายาทผู้นำองค์กร) กำลังติดพันภารกิจสำคัญ หรือต้อง Lead โปรเจกต์ใหญ่หรือสำคัญมากๆ ขององค์กรอยู่หรือไม่? เพราะถ้ายังติดอยู่ ก็อาจจะให้ความสำคัญของโปรเจกต์นี้ได้อย่างไม่เต็มที่หรือตลอดรอดฝั่ง และถ้าอยากให้มี Impact ต่อองค์กรจริงๆ ทายาทก็ควรจะนำโปรเจกต์นี้เอง อย่างน้อยในตอนต้น เพื่อให้คนในองค์กรเห็นความสำคัญและจริงจังกับมัน

  3. เรามี Key Person หรือคนที่อยากจะให้ Lead โปรเจกต์นี้ต่อจากเราอยู่ในมือหรือไม่? ถ้ามีอยู่แล้ว เขายังติดภารกิจอื่นอยู่หรือไม่? ถ้ายังไม่มี เรามีแผนจะคัดเลือกเข้ามาเป็นทีมงานเพิ่มได้ในช่วงไหน? แน่นอนว่าทายาทเองไม่สามารถจะอยู่ในโปรเจกต์นี้ได้ทุกๆ วันตลอดไป จำเป็นต้องมีมือขวามาผลักดันเรื่องนี้ต่อตามกรอบเวลาที่วางไว้

  4. บริษัทกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างอยู่หรือไม่? กำลังมีการควบรวม เปลี่ยนกระบวนการทำงาน เปลี่ยนโมเดลธุรกิจ หรือมีผู้ถือหุ้นใหม่ที่มีนโยบายด้านระบบ หรือโครงสร้างที่แตกต่างจากเดิมมากหรือไม่? หากอยู่ในช่วงที่กำลังเปลี่ยนแปลง แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าธุรกิจต้องการระบบแบบไหน ถึงจะรองรับได้ดีที่สุดและยั่งยืนที่สุด ก็ควรหาข้อสรุปให้ได้ในระดับหนึ่ง หรือ Scope Down ขอบเขตของกระบวนการที่ต้องการหาระบบมารองรับให้ชัดเจนที่สุดก่อนจะดีกว่า

การจะนำระบบใหม่เข้ามาใช้ ควรเริ่มจากการหาข้อมูลเรื่องระบบ แต่ไม่ได้แปลว่าจะได้เริ่มใช้ในเร็ววัน ขอให้เริ่มจากก้าวแรกที่ไม่ยากนี้ก่อน เมื่อมีข้อมูลในมือแล้ว เราจะตัดสินใจต่อได้ว่าจะเริ่มขึ้นระบบและเริ่มใช้ระบบใหม่ได้ในช่วงไหน จำไว้ว่า ‘การหา’ ไม่เท่ากับ ‘การซื้อ’ และ ‘การซื้อ’ ไม่เท่ากับ ‘ได้ใช้’

ส่วนการจะเริ่มโปรเจกต์เมื่อไหร่ดี ให้เริ่มจากการ “ตระหนักรู้และให้ความสำคัญ” กับเรื่องระบบ โดยจะตัดสินใจเริ่มโปรเจคเรื่องระบบได้ จากปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมต่างๆ

สิ่งสำคัญคือ มีทรัพยากรในการเริ่มและจบโปรเจกต์ได้ ได้แก่ คนที่จะทำ เวลาที่จะทำทั้งของทายาทและคนที่จะนำโปรเจกต์ และความชัดเจนของกระบวนการในองค์กร (ในระดับหนึ่ง)

📍 พิจารณาปัจจัยเหล่านี้เพื่อส่งเสริมการตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม หากต้องการตัดสินใจเลือกวันเริ่มต้นของโปรเจกต์ได้อย่างเหมาะสม ลองพิจารณาปัจจัยต่างๆ ด้วยการตอบคำถามเหล่านี้กันก่อน

  1. บริษัทอยู่ในช่วงเวลาวิกฤตหรือเผชิญความเสี่ยงอยู่หรือไม่? ต้องมีการเอาทรัพยากรทุกอย่างในบริษัทมาลงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารายวันกันอยู่หรือเปล่า? ช่วงเวลาที่ดี ก็น่าจะเป็นช่วงที่พอหาทรัพยากรมาทำงานได้ และขั้นตอนการทำงานที่เป็นแกนหลักขององค์กร มีระบบหรือ SOP ที่ใช้งานรองรับได้อยู่บ้างแล้ว

  2. ตัวของเราเอง (ทายาทผู้นำองค์กร) กำลังติดพันภารกิจสำคัญ หรือต้อง Lead โปรเจกต์ใหญ่หรือสำคัญมากๆ ขององค์กรอยู่หรือไม่? เพราะถ้ายังติดอยู่ ก็อาจจะให้ความสำคัญของโปรเจกต์นี้ได้อย่างไม่เต็มที่หรือตลอดรอดฝั่ง และถ้าอยากให้มี Impact ต่อองค์กรจริงๆ ทายาทก็ควรจะนำโปรเจกต์นี้เอง อย่างน้อยในตอนต้น เพื่อให้คนในองค์กรเห็นความสำคัญและจริงจังกับมัน

  3. เรามี Key Person หรือคนที่อยากจะให้ Lead โปรเจกต์นี้ต่อจากเราอยู่ในมือหรือไม่? ถ้ามีอยู่แล้ว เขายังติดภารกิจอื่นอยู่หรือไม่? ถ้ายังไม่มี เรามีแผนจะคัดเลือกเข้ามาเป็นทีมงานเพิ่มได้ในช่วงไหน? แน่นอนว่าทายาทเองไม่สามารถจะอยู่ในโปรเจกต์นี้ได้ทุกๆ วันตลอดไป จำเป็นต้องมีมือขวามาผลักดันเรื่องนี้ต่อตามกรอบเวลาที่วางไว้

  4. บริษัทกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างอยู่หรือไม่? กำลังมีการควบรวม เปลี่ยนกระบวนการทำงาน เปลี่ยนโมเดลธุรกิจ หรือมีผู้ถือหุ้นใหม่ที่มีนโยบายด้านระบบ หรือโครงสร้างที่แตกต่างจากเดิมมากหรือไม่? หากอยู่ในช่วงที่กำลังเปลี่ยนแปลง แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าธุรกิจต้องการระบบแบบไหน ถึงจะรองรับได้ดีที่สุดและยั่งยืนที่สุด ก็ควรหาข้อสรุปให้ได้ในระดับหนึ่ง หรือ Scope Down ขอบเขตของกระบวนการที่ต้องการหาระบบมารองรับให้ชัดเจนที่สุดก่อนจะดีกว่า

การจะนำระบบใหม่เข้ามาใช้ ควรเริ่มจากการหาข้อมูลเรื่องระบบ แต่ไม่ได้แปลว่าจะได้เริ่มใช้ในเร็ววัน ขอให้เริ่มจากก้าวแรกที่ไม่ยากนี้ก่อน เมื่อมีข้อมูลในมือแล้ว เราจะตัดสินใจต่อได้ว่าจะเริ่มขึ้นระบบและเริ่มใช้ระบบใหม่ได้ในช่วงไหน จำไว้ว่า ‘การหา’ ไม่เท่ากับ ‘การซื้อ’ และ ‘การซื้อ’ ไม่เท่ากับ ‘ได้ใช้’

ส่วนการจะเริ่มโปรเจกต์เมื่อไหร่ดี ให้เริ่มจากการ “ตระหนักรู้และให้ความสำคัญ” กับเรื่องระบบ โดยจะตัดสินใจเริ่มโปรเจคเรื่องระบบได้ จากปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมต่างๆ

สิ่งสำคัญคือ มีทรัพยากรในการเริ่มและจบโปรเจกต์ได้ ได้แก่ คนที่จะทำ เวลาที่จะทำทั้งของทายาทและคนที่จะนำโปรเจกต์ และความชัดเจนของกระบวนการในองค์กร (ในระดับหนึ่ง)

📍 พิจารณาปัจจัยเหล่านี้เพื่อส่งเสริมการตัดสินใจ

อย่างไรก็ตาม หากต้องการตัดสินใจเลือกวันเริ่มต้นของโปรเจกต์ได้อย่างเหมาะสม ลองพิจารณาปัจจัยต่างๆ ด้วยการตอบคำถามเหล่านี้กันก่อน

  1. บริษัทอยู่ในช่วงเวลาวิกฤตหรือเผชิญความเสี่ยงอยู่หรือไม่? ต้องมีการเอาทรัพยากรทุกอย่างในบริษัทมาลงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารายวันกันอยู่หรือเปล่า? ช่วงเวลาที่ดี ก็น่าจะเป็นช่วงที่พอหาทรัพยากรมาทำงานได้ และขั้นตอนการทำงานที่เป็นแกนหลักขององค์กร มีระบบหรือ SOP ที่ใช้งานรองรับได้อยู่บ้างแล้ว

  2. ตัวของเราเอง (ทายาทผู้นำองค์กร) กำลังติดพันภารกิจสำคัญ หรือต้อง Lead โปรเจกต์ใหญ่หรือสำคัญมากๆ ขององค์กรอยู่หรือไม่? เพราะถ้ายังติดอยู่ ก็อาจจะให้ความสำคัญของโปรเจกต์นี้ได้อย่างไม่เต็มที่หรือตลอดรอดฝั่ง และถ้าอยากให้มี Impact ต่อองค์กรจริงๆ ทายาทก็ควรจะนำโปรเจกต์นี้เอง อย่างน้อยในตอนต้น เพื่อให้คนในองค์กรเห็นความสำคัญและจริงจังกับมัน

  3. เรามี Key Person หรือคนที่อยากจะให้ Lead โปรเจกต์นี้ต่อจากเราอยู่ในมือหรือไม่? ถ้ามีอยู่แล้ว เขายังติดภารกิจอื่นอยู่หรือไม่? ถ้ายังไม่มี เรามีแผนจะคัดเลือกเข้ามาเป็นทีมงานเพิ่มได้ในช่วงไหน? แน่นอนว่าทายาทเองไม่สามารถจะอยู่ในโปรเจกต์นี้ได้ทุกๆ วันตลอดไป จำเป็นต้องมีมือขวามาผลักดันเรื่องนี้ต่อตามกรอบเวลาที่วางไว้

  4. บริษัทกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างอยู่หรือไม่? กำลังมีการควบรวม เปลี่ยนกระบวนการทำงาน เปลี่ยนโมเดลธุรกิจ หรือมีผู้ถือหุ้นใหม่ที่มีนโยบายด้านระบบ หรือโครงสร้างที่แตกต่างจากเดิมมากหรือไม่? หากอยู่ในช่วงที่กำลังเปลี่ยนแปลง แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าธุรกิจต้องการระบบแบบไหน ถึงจะรองรับได้ดีที่สุดและยั่งยืนที่สุด ก็ควรหาข้อสรุปให้ได้ในระดับหนึ่ง หรือ Scope Down ขอบเขตของกระบวนการที่ต้องการหาระบบมารองรับให้ชัดเจนที่สุดก่อนจะดีกว่า

การจะนำระบบใหม่เข้ามาใช้ ควรเริ่มจากการหาข้อมูลเรื่องระบบ แต่ไม่ได้แปลว่าจะได้เริ่มใช้ในเร็ววัน ขอให้เริ่มจากก้าวแรกที่ไม่ยากนี้ก่อน เมื่อมีข้อมูลในมือแล้ว เราจะตัดสินใจต่อได้ว่าจะเริ่มขึ้นระบบและเริ่มใช้ระบบใหม่ได้ในช่วงไหน จำไว้ว่า ‘การหา’ ไม่เท่ากับ ‘การซื้อ’ และ ‘การซื้อ’ ไม่เท่ากับ ‘ได้ใช้’

ส่วนการจะเริ่มโปรเจกต์เมื่อไหร่ดี ให้เริ่มจากการ “ตระหนักรู้และให้ความสำคัญ” กับเรื่องระบบ โดยจะตัดสินใจเริ่มโปรเจคเรื่องระบบได้ จากปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมต่างๆ

สิ่งสำคัญคือ มีทรัพยากรในการเริ่มและจบโปรเจกต์ได้ ได้แก่ คนที่จะทำ เวลาที่จะทำทั้งของทายาทและคนที่จะนำโปรเจกต์ และความชัดเจนของกระบวนการในองค์กร (ในระดับหนึ่ง)

หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ Digital Transformation และงานด้านอื่นๆ สามารถปรึกษา ASAP Project ได้ที่ hello@asapproject.co หรือ www.asapproject.co เพื่อคุยกันเบื้องต้นได้เลย!

#ทำที่บ้าน #digitaltransformation

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.

Feeling overwhelmed?
Let us help you find the right tools.